“จอนนี่” ไม่รู้จริงหรือ เหตุผล กปปส.รวมตัว “ลุงตู่” ทำเพื่อใคร

"จอนนี่" ไม่รู้จริงหรือ เหตุผล กปปส.รวมตัว "ลุงตู่" ทำเพื่อใคร

อดีตพระเอกชื่อดัง “จอนนี่ แอนโฟเน่” เปิดตัวเข้าเป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 โดยอาสาเป็นรับใช้ประชาชนในเขตมีนบุรี คันนายาว และคลองสามวา ระบุเป็นผู้ที่สนใจในปัญหาบ้านเมืองมาโดยตลอด ในฐานะคนไทยที่อยากเห็นประเทศเจริญก้าวหน้า และตลอด 7-8 ปีมานี้ ได้เรียนรู้ และเห็นความจริงแล้วว่า การยึดอำนาจรัฐประหารไม่ใช่ทางออกของประเทศ ประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมเท่านั้น ที่จะเป็นทางรอดของประเทศอย่างแท้จริง

หลังจากนั้น อดีตพระเอกดัง ก็ถูกขุดรูปเก่า สมัยเคยไปร่วมเป่านกหวีดมาแชร์ว่อนโซเชียลจนเป็นที่วิจารณ์ในวงกว้าง ซึ่ง จอนนี่ แอนโฟเน่ ก็ได้โพสต์ชี้แจงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊ก จอนนี่ แอนโฟเน่ ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน มีคนติดตามราว 200 คน โดยตอนหนึ่ง ระบุว่า…

#จอนนี่กลับใจ
ใช่ครับ “ผมขอโทษ
ผมร่วมชุมนุมใน ปี 2556 ถึงปี 2557 ผมเป็นหนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมจริง เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถบิดเบือนได้ และผมขอน้อมรับทุกความคิดเห็นจากทุกท่าน

การชุมนุมในครั้งนั้น ผมก้าวขาออกจากบ้านเอง ไม่มีใครบังคับ ก้าวขาออกไปด้วยความที่คิดของผมเอง ด้วยการเสพสื่อSocial ว่า…. ” พรบ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง จะเป็นการล้างบางคนผิดทุกกรณี ซึ่งรวมไปถึงการทุจริต งบประมาณแผ่นดิน”
.
วันนั้นผมไม่เคยรู้เลยว่าจะมีการรัฐประหาร ไม่เคยมีสัญญาณใดๆเกิดขึ้น เราเพียงออกไปเพื่อจะคัดค้าน พรบ.ดังกล่าว แล้วคิดแค่ว่าจะจบแค่นี้… แต่การชุมนุมไม่จบเพียงเท่านั้น จนในที่สุด “ลุงมาทำรัฐประหาร” และได้ลากจูงประเทศมาสู่จุดวิกฤตขนาดนี้ สร้างหนี้สินให้กับลูกหลานมากมายขนาดนี้
.
“ใช่ครับ การถูกเกลียด ถูกด่า ถูกขุดคุ้ย หรือไม่ถูกให้อภัย เป็นราคาที่ผมต้องจ่ายโดยที่ผมไม่สามารถปฏิเสธได้”
สิ่งแรกที่ผมทำได้ คือการ “#ขอโทษ” เพื่อลดความผิดพลาดของผมในอดีต แทนการเรียกร้องให้ทุกคนอภัย #ผมขอโทษ ผมขอยอมรับความผิดพลาดที่เคยเป็นส่วนหนึ่ง ในการร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง จนเป็นนำมาสู่ #การยึดอำนาจรัฐประหาร ซึ่งผมก็มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารมาโดยตลอด

การออกมาในวันนี้ของผมก็เพื่อ “ปัจจุบัน” และ “อนาคต” ผมเองไม่สามารถลบอดีตได้ สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่กลับไปทำความเข้าใจอดีตและความผิดพลาดของตัวเอง เพื่อเป็นพลังในการเรียกร้องความยุติธรรม เป็นแรงให้กับผมในการกลับมาชดใช้สิ่งที่เคยทำไว้กับ #ประเทศที่ผมรัก

 

ข่าวที่น่าสนใจ

มาไล่เรียงเหตุการณ์ ที่มาที่ไปของต้นเหตุแห่งความวุ่นวายของประเทศ ในสมัยรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบัน ต้องระเห็ดไปอยู่ต่างแดน โดยเบี้ยวนัด ไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาในคดีจำนำข้าว สั่งจำคุก นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 5 ปี ไม่รอลงอาญา พร้อมออกหมายบังคับคดี นำตัวมารับโทษตามอาญา เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560

ช่วงวิกฤตการเมือง เริ่มจากมีการเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2556 ของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ เข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ถูกอภิปรายคัดค้านกันอย่างกว้างขวาง จากส.ส.ฝ่ายค้าน รวมถึงสมาชิกฝ่ายรัฐบาลบางคน แต่รัฐบาลยังดึงดันที่จะผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมแบบสุดซอยไปให้ได้ โดยการลงมติตอนตี 4 จนเป็นที่มาของกฎหมายล้างผิดให้กับคนโกง หรือกฎหมายลักหลับ

ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ได้รับการต่อต้านจากสังคมอย่างกว้างขวาง จากความไม่ชัดเจน และอาจเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ปัญหาเริ่มบานปลาย เมื่อกลุ่มคนที่คัดค้าน พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้ออกมารวมตัวกันตามคำเชิญชวนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเริ่มประกาศชุมนุมยืดเยื้ออย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 เรียกมวลชนแต่งดำ พร้อมกันที่สถานีรถไฟสามเสน จนต่อมายกระดับจากม็อบนกหวีด เป็น “กปปส.” หรือ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของแกนนำกลุ่มพันธมิตร นักวิชาการ เครือข่ายนักศึกษา กลุ่มนักธุรกิจ พ่อค้า ประชาชน ดารานักแสดง ก็ออกตัวเปิดหน้าร่วมชุมนุมกันถ้วนหน้า ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็มีจอนนี่ แอนโฟเน่ และนก จริยา ร่วมด้วย เพื่อขับไล่รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์

การชุมนุมขับไล่รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ของกปปส. ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายปี 2556 เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงเดือนมกราคม ปี 2557 กปปส. ชัตดาวน์กรุงเทพฯ โดยการตั้งเวทีชุมนุมบริเวณทางแยกและถนนสายสำคัญ อย่าง ถนนแจ้งวัฒนะ-แยกลาดพร้าว-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-แยกอโศก-แยกปทุมวัน-แยกราชประสงค์-สวนลุมพินี ต่อเนื่องจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ พร้อมกิจกรรม “ดาวกระจาย” เคลื่อนขบวนไปปิดล้อมหน่วยงานราชการหลายแห่ง แม้ว่า เวทีม็อบจะถูกก่อกวนจากระเบิดและปืนจนมีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งรัฐบาลประกาศพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2557 แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้ง “มวลมหาประชาชน” ได้ และเกิดการขัดขวางการเลือกตั้ง ส่งผลให้การเลือกตั้งเมื่อเดือนก.พ. ปี 2557 ต้องกลายเป็นโมฆะ

 

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในสมัยนั้น ให้ทหารเฝ้าะวังตามจุดต่างๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงกองทัพบกได้ปรับบังเกอร์ทหาร โดยบางพื้นนำกระถางดอกไม้ มาประดับบริเวณบังเกอร์ เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้จุดตรวจมีความอ่อนโยนลง ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ

สถานการณ์ความรุนแรง ยังคงเดินหน้าไปไม่มีทีท่าว่าจะยุติ ทำให้วันที่ 20 พฤษภาคม 2557 ได้มีการประกาศกฎอัยการศึก เวลา 03.00 น. ในชื่อ กองอำนวยการรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ กอ.รส. เพื่อควบคุมสถานการณ์ทางการเมืองที่ขัดแย้งมานานกว่า 6 เดือน พร้อมให้ผู้ชุมนุมทางการเมืองทุกฝ่ายยุติการเคลื่อนไหว

บทเรียนการเคลื่อนรถถังออกมารัฐประหาร เมื่อปี 2549 จบไม่สวยนัก ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในขณะนั้น ได้ปรับยุทธศาสตร์โดยเชิญคู่ขัดแย้ง 7 ฝ่ายมานั่งโต้ะเจรจา วันที่ 21 พฤษภาคม 2557 ประกอบด้วย ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล ตัวแทนฝ่ายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตัวแทนฝ่ายวุฒิสมาชิก ตัวแทนฝ่ายพรรคเพื่อไทย ตัวแทนฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ ตัวแทนฝ่าย กปปส. และตัวแทนฝ่าย นปช. ที่สโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดี – รังสิต เพื่อเสนอทางออกจากปัญหาความขัดแย้งในประเทศ

 

วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เวลา 14.00 น. ตัวแทนทั้ง 7 ฝ่าย เข้าร่วมหารือเพื่อแก้ไขวิกฤติประเทศเป็นวันที่ 2 โดยก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวก่อนการประชุมตอนหนึ่งว่า “สิ่งหนึ่งที่ตนเป็นห่วง คือ เราไม่สามารถปล่อยให้มีปัญหากันต่อไป หรือมีความขัดแย้งต่อไปโดยที่ไม่มีทางออกได้ ซึ่งต้องเริ่มที่ตัวของตนเองก่อน คือพร้อมทำทุกอย่างให้เกิดความสันติสุขโดยเร็ว” แต่เนื่องจากต่างฝ่ายต่างยึดมั่นในจุดยืนของตน ทำให้ไม่สามารถหาข้อยุติในที่ประชุมได้

จนนำมาสู่ความจำเป็นที่ต้องทำรัฐประหาร ในวันที่ 22 พ.ค. 57 เพื่อควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ไม่ให้บานปลาย โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ในขณะนั้น ทำการควบคุมอำนาจบริหารรัฐบาลนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และควบคุมสถานการณ์ทางการเมืองที่ขัดแย้งมานานกว่า 6 เดือน พร้อมทั้งให้กลุ่มชุมนุมทางการเมืองทั้งฝ่ายที่ต้านรัฐบาลและสนับสนุนรัฐบาลนั้น ยุติการเคลื่อนไหว

การออกมาของกองทัพในวันนั้น มีจุดยืนชัดเจนว่า “มุ่งสร้างความสุข ความสงบคืนสู่ประเทศ” ระงับยับยั้งความแตกแยก ยุติการใช้กำลัง แก้ไขผลกระทบจากการที่รัฐบาลและรัฐสภาที่ก่อนหน้านั้นอยู่ในสภาพที่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติกว่า 6 เดือน จนกระทบเศรษฐกิจ ตลอดจนเพื่อเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน นั่นเอง

การที่นายจอนนี่ โพสต์ว่า #ผมขอโทษ ผมขอยอมรับความผิดพลาดที่เคยเป็นส่วนหนึ่ง ในการร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง จนเป็นนำมาสู่ #การยึดอำนาจรัฐประหาร ซึ่งผมก็มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารมาโดยตลอด นั้น อาจเกิดข้อสงสัยได้ว่า แล้วที่ผ่านมา ก่อนมาประกาศตัวลง ส.ส. ในนามพรรคไทยสร้างไทยในวันนี้ นายจอนนี่ ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับประเทศชาติ บ้างหรือยัง ?

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น