(7 พ.ค.) ที่ลานเอนกประสงค์ หน้าห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 ริมถนนพัทยาเหนือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ร่วมกับสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก สมาคมนักข่าวเมืองพัทยา และภาคีเครือข่ายองค์กรภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว และประชาชน จัดกิจกรรมการ Debate ประชันวิสัยทัศน์ผู้สมัครนายกเมืองพัทยา เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนและทุกภาคส่วนได้มีโอกาสในการร่วมรับฟังแนวนโยบายจากผู้สมัครฯ เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจในการเลือก ตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยาและนายกเมืองพัทยาที่จะมาถึงในวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค.นี้ โดยพบว่ากิจกรรมครั้งนี้มีผู้สมัครนายกเมืองพัทยาจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ ผู้สมัครอิสระเบอร์ 2 นายกิต ติศักดิ์ นิลวัฒนโฆชัย ผู้สมัครเบอร์ 3 จากกลุ่มพัทยาก้าวหน้า และ นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร ผู้สมัครเบอร์ 4 จากกลุ่มพัทยาร่วมใจเข้าร่วม ขณะที่ นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ผู้สมัครเบอร์ 1 จากกลุ่มเรารักพัทยา ปฏิเสธการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ เนื่องจากมีแผนในการเปิดเวทีปราศรัยเดี่ยวในห้วงเวลาเดียวกัน บริเวณลานเอนกประสงค์ริมชายหาดจอมเทียนเมืองพัทยา ทั้งนี้โดยมี “อั๋น” ภูวนาท คุนผลิน ทำหน้าที่พิธี กรหลักในการซักถาม ท่ามกลางกลุ่มผู้สมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยาจากทั้ง 2 ทีม ผู้สนับสนุน ตัวแทนองค์ กรภาคต่างๆ และประชาชนเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดสัญญานไลฟ์สดผ่านช่องทางขององค์กรต่างๆและสื่อสารมวลชนในโซเชียลมีเดียอีกด้วย
โดยในช่วงแรกของกิจกรรมดังกล่าวได้มีการเปิดโอกาสให้ตัวแทนผู้สมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยาจากทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง ขึ้นเวทีเพื่อตอบปัญหา และแสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาและแนวทางการทำงานในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติ ก่อนที่พิธีกรจะเชิญผู้สมัครนายกเมืองพัทยาทั้ง 3 รายขึ้นเวทีเพื่อร่วมกิจกรรมการ Debate โดยแบ่งเวลาของการแสดงวิสัยทัศน์และตอบข้อซักภามออกเป็น 4 ช่วงหลัก ได้แก่ ช่วงที่ 1 Vision Show ที่ได้เปิดโอกาสให้ผู้สมัครแต่ละรายแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายการทำงาน ขณะที่ช่วงที่ 2 หรือช่วง Q&A Question & Answer ใน 3 ประเด็นหลักได้แก่ นโยบายของกลุ่ม ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และนโยบายด้านการพัฒนาการท่องเที่ยว ส่วนในช่วงที่ 3 หรือ Photo Debate เป็นช่วงการตอบปัญหาจากภาพถ่ายที่เมืองพัทยามีปัญหาทั้งด้านทั่วไป ด้านปัญหาสังคม ปัญหาการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ สำหรับช่วงที่ 4 หรือ Final Talk ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายที่ให้โอกาสผู้สมัครแต่ละรายแสดงความรู้สึก และกล่าวถึงแนวทางการทำงานในอนาคต การแก้ไขปัญหาบ้านเมืองทรี่ครอบคุลมทุกด้านเพื่อขอคะแนนเสียงจากประชา ชนในการเลือกตั้งครั้งนี้
ซึ่งในส่วนของนายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ ผู้สมัครนายกเมืองพัทยาอิสระเบอร์ 2 ได้กล่าวถึงผลงานการทำงานในอดีตสมัยครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอบางละมุง ที่พบว่าเมืองพัทยายังมีปัญหาคั่งค้างมากมายที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งปัญหาน้ำท่วมขัง การจัดระเบียบ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เป็นต้น ขณะที่ส่วนตัวมีความรู้ ความชำนาญในเรื่องของการแก้ไขและบังคับใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาและจัดระเบียบบ้านเมือง อีกทั้งยังสามารถประสานงานกับส่วนกลางได้ในทุกด้านและทุกมิติ ขณะที่นโยบายสำคัญจะเป็นเรื่องของการทำงานแบบโปร่งใส เปิดเผยตรวจสอบได้ หรือนำทุกเรื่อง ทุกโครงการ จากทั้ง 15 สำนักของเมืองพัทยามาทำงานบนโต๊ะ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ รับทราบถึงแผนงานและโครงการต่างๆ รวมทั้งจะมีการปรับสมดุลในการทำงานของพนักงานและข้าราชการประจำที่ต้องให้ บริการประชาชนอย่างเต็มความสามารถ มีความเท่าเทียมเสมอภาค ไร้ปัญหาคอร์รัปชั่น ที่สำคัญคือการให้ทุกภาคส่วนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน ซึ่งถือเป็นทีมงานในฝ่ายที่ 3 ที่เรียกว่า Pattaya Power นอกเหนือจาก 2 ส่วนหลัก คือ ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อให้เมืองพัทยาขับเคลื่อนและมีการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน และมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยแม้จะเป็นผู้สมัครอิสระแต่ก็สามารถทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้ เนื่องจากมีความตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้เมืองพัทยาเติบโตอย่างมีคุณภาพ
ขณะที่นายกิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฆชัย ผู้สมัครนายกเมืองพัทยาเบอร์ 3 กลุ่มพัทยาก้าวหน้า ได้กล่าว ถึงนโยบายของกลุ่มที่เน้นการสร้างเมืองพัทยาให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยนำเสนอการแก้ไขปัญหาเร่ง ด่วน อาทิ ลดปัญหาการขุดเจาะถนน ปัญหาน้ำท่วมขัง คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ เรื่องของระบบสุขอนามัย การศึกษา เรื่องของระบบขนส่งมวลชน เรื่องของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ปัญหาการคอร์รัปชั่น รวมไปถึงการเข้าไปดูแลและผลักดันให้มีการตรวจสอบโครงการเมกะโปรเจคต่างๆในอดีตที่ผ่านมาที่ใช้งบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนไปจัดทำแต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญคือการสร้างความพร้อมของเมืองพัทยาให้มีความสวยงาม สะอาด สิ่งแวดล้อมที่ดี ปลอดภัย และพร้อมสำหรับเยาวชนที่จะเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยทุกแผนงานและโครงการของเมืองพัทยาหากทีมพัทยาก้าวหน้าได้รับโอกาสในการเลือกตั้งครั้งนี้สิ่งสำคัญคือจะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนการพัฒนา การแก้ไขปัญหา และการส่งเสริมการตลาด การท่องเที่ยว อย่าง การจัดกิจกรรมหรือ Event ต่างๆ และการพัฒนาสินค้าแบบวิสาหกิจชุมชนเพื่อให้เกิดความเข็มแข็ง และเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย
สุดท้ายกับนายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร ผู้สมัครนายกเมืองพัทยาเบอร์ 4 กลุ่มพัทยาร่วมใจ ได้กล่าวถึงประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวในส่วนของภาคธุรกิจการท่องเที่ยวมายาวนานกว่า 30 ปี จึงมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถทำงานร่วมกับภาคธุรกิจในการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้าไปมีส่วนร่วมในดำเนินการจนทำให้เมืองพัทยาได้รับการผ่อนปรนมาแล้วในหลายกรณี อาทิ การขอผ่อนปรนเรื่องของระยะเวลาการเปิดสถานบริการ การจำหน่ายแอลกอฮอล์ หรือการยกเลิกการตรวจ RT-PCR ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทาง เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งถือเป็นช่องทางสำคัญที่จะทำให้การท่องเที่ยวเมืองพัทยาฟื้นคืนมาอีกครั้ง อีกทั้งยังพยายามนำเสนอให้มีการยกเลิกโครงการ Thailand Pass ทั้งนี้มั่นใจว่าหากได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนให้เข้ามาทำงานในฐานะนายกเมืองพัทยา ก็จะร่วมกับภาคธุรกิจเอกชนเร่งผลักดันแผนงานต่างๆเพื่อให้ปริมาณนักท่องเที่ยวกลับมาเติบโตให้ได้เหมือนในอดีต ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นกลไก และเป็นเรื่องปัญหาปากท้องที่สำคัญเร่งด่วนที่จะเข้ามาดำเนินการทันทีหากได้รับความไว้วางใจ เนื่องจากเมืองพัทยาเป็นพื้นที่ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลักกว่า 90 % ดังนั้นในช่วงสถานการณ์โควืด-19 แพร่ระ บาดที่ผ่านมาจึงส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบ การ แรงงาน และประชาชนในพื้นที่อย่างรุนแรงตลอดระยะ เวลากว่า 2 ปี
นอกจากนี้ยังมีแผนในการปรับขยายพื้นที่ Zoning สถานบริการเพื่อให้ครอบคลุมทั้งเมืองพัทยา และขยายระยะเวลาการให้บริการถึง 04.00 น. พร้อมการดูแลปัญหาของผู้ประกอบการที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างกรณีการออกใบ SHA+ ที่มีการเรียกเก็บเงินอย่างไม่ถูกต้อง ขณะการ ศึกษาก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องเร่งการพัฒนา โดยเฉพาะการเปิดโรงเรียนเมืองพัทยา 12 เพื่อรองรับเยาวชนในระดับมัธยมปลายที่ปัจจุบันพบว่าสถาบันการศึกษาในพื้นที่ไม่มีสถานที่เพียงพอในการรองรับ ขณะที่การฟื้นฟูเศรษฐกิจก็จะเร่งการพัฒนาเพื่อรองรับการเป็นพื้นที่ศูนย์กลางทางการลงทุนและการท่องเที่ยวของ EEC โดยเฉพาะการดึงกลุ่มนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาให้เพิ่มมากขึ้น สุดท้ายกับนโยบายเร่งด่วน 9 ด้านที่จะดำเนินการภายใน 90 วัน หากได้รับการเลือกตั้ง อาทิ ปัญหาการขุดเจาะที่ต้องรื้อระบบและตรวจสอบการจัดซื้อ จัดจ้างใหม่ ปัญหาน้ำท่วมขัง หรือปัญหาระบบสาธารณูปโภค อย่างน้ำประปาที่พบว่าจนถึคงปัจจุบันยังมีชุมชนจำนวนมากที่ประสพปัญหาความขาดแคลนอีกด้วย
ชัยยศ ผู้พัฒนพงษ์ ผู้สื่อข่าวTOPNEWS ประจำ จ.ชลบุรี