ครูศิลปะหนุ่ม นำทีมนักเรียน เพื่อนร่วมอุดมการณ์ สร้างศิลปะภาพในหลวง ร.9 สุดยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ โดนม็อบเยาวชนฉีดพ้นสีทำลาย ก็ไม่หวั่น

“ครูอะไหล่” หรือ นายชวัส จำปาแสน วัย 36 ปีศิษย์เก่าจากภาควิชา ทฤษฎีศิลป์ คณะ จิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้มีใจรักในการวาดภาพ มาตั้งแต่สมัยอนุบาลฯ จึงฝึกฝนฝีมือมาเรื่อยไป และถึงแม้ ที่บ้านไม่ได้มีเงินเยอะ หรือ มีฐานะร่ำรวย แต่ครอบครัวก็ยอมลงทุนให้ “ครูอะไหล่” ได้ไปเรียนพิเศษศิลปะแพงๆ จนสอบติด คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร สาขาทฤษฎีศิลป์

“สาขานี้ต้องอ่านหนังสือครับ แต่ผมไม่ใช่คนอ่านหนังสือ ผมชอบอ่านคน อ่านชีวิต เกิดมาถึงตอนนี้อ่านหนังสือจบไปแค่ 1เล่ม คือ จิตวิเคราะห์ ของ ซิกมันฟรอย ผมก็บอกตัวเองว่า ผมจะจบสาขานี้ให้ได้ด้วยการเป็นแบบนี้ Thesis หัวข้อ “ศิลปะเพื่อสังคม นำเสมอผ่านสื่อรายการโทรทัศน์” คือเราทำวิจัยศิลปะที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม สุดท้ายผมได้ทักษะการสอนจากสาขาที่เรียน จนกระทั่งมีโอกาสมาเปิดโรงเรียนสอนศิลปะเอง ชื่อ Viridian Academy of Art เราเปิดโรงเรียนไม่ได้หวังกำไรจากตรงนี้ รู้ดีว่าทำงานหนักแต่ไม่รวยเพราะมันคือโรงเรียนศิลปะที่ลูกค้าน้อย เราแค่อยากเอาความรู้ที่เราทดลองทำจริงๆ มาถ่ายทอดสู่นักเรียนต่อ เพราะเชื่อว่าความรู้ทำให้ทุกคนเท่ากัน” ครูอะไหล่ เล่าให้เราฟัง

• Viridian Academy of Art ตามรอย ร.9 ขยัน ตั้งใจ ได้เรียนฟรี •
.
ครูอะไหล่ บอกด้วยว่า โรงเรียนนี้เป็นจุดเล็กๆในมุมของการศึกษาศิลปะที่เดินตามรอยเบื้องยุคลบาทของ ในหลวงรัชกาลที่9 ซึ่งจะมองหาเด็กนักเรียนที่ขยัน ตั้งใจ แต่ขนาดทุนทรัพย์ เพื่อให้เขาได้เรียนฟรี เป็นแต่โควต้าของโรงเรียน บางปีก็ 1-2 คน บางปีช่วยแทบจะทั้งรุ่น ลดค่าคอร์สครึ่งนึงให้ หรือสอนฟรีนอกเวลา แค่อยากให้เขาได้เอาทักษะและความรู้ตรงนี้ไปใช้พัฒนาชีวิตตัวเอง จะได้เท่าเทียมกับคนอื่นๆ นักเรียนหลายคนเรียนกับเราจนสอบติดมหาวิทยาลัย เราก็เอามาช่วยเราสอนต่อ เพื่อหารายได้เสริมให้กับเขา
ปัจจุบันโรงเรียนอยู่มาได้ 10 ปีแล้ว ก็พอเดินไปได้เองไม่ได้หวังกำไรอะไรมากมาย

• ความผูกพันกับราชวงศ์จักรี •
.
ว่ากันตามจริง ผมก็แค่ลูกชาวบ้านครับ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับราชวงศ์ แต่ผมรักประเทศไทย ผมเป็นคนไทย และเรารู้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้นทำให้เราดำรงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ทั้งปกป้องบ้านเมือง ทั้งพัฒนาให้ก้าวหน้า ผมคิดของผมเองว่า ประเทศนี้เจริญเพราะพระมหากษัตริย์ และในราชวงศ์จักรี เรามีพระมหากษัตริย์แต่ละพระองค์ที่มีความทันสมัย หัวคิดก้าวหน้า คิดการไกลเสมอ
.
ผมเกิดในรัชกาลที่9 ตอนเด็กก็ได้แต่เห็นพระองค์ท่านผ่านการดูหนังโรงภาพยนต์ วีดีโอประกอบเพลงพระราชนิพนธ์ ไม่ได้มีแค่เวอร์ชั่นเดียวนะครับ มีหลายเวอร์ชั่นมาก และผมก็ได้ทราบรายละเอียดว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำอะไรบ้าง วีดีโอมีเยอะนะครับ ซึ่งเมื่อก่อนก็เคยสงสัยว่าจัดฉากมั้ย แต่เราเคยทำสื่อ อยู่ในวงการสื่อ เรารู้ว่าถ้าจัดฉากจะเป็นยังไง? ผมสังเกตุเห็นว่า เราแทบจะหาภาพหน้าตรงตอนพระองค์ออกทำงานไม่ได้เลย
เราเห็นแต่ด้านข้างเป็นประจำ ถ้าเป็นการจัดฉาก เขาจะพยายามหันมาให้กล้องถ่ายหน้าตรงๆชัดๆ
ผมเชื่อมั่นตามนี้ว่า พระองค์ท่าน ทำจริง ทำเยอะ

สิ่งที่พระองค์ท่านได้ทำ จึงกลายเป็นคำตอบทุกอย่างหมดแล้ว จนผมไม่ต้องมานั่งสงสัยอะไรอีก เกี่ยวเนื่องมาจนถึง การทำโครงการสตรีทอาร์ต ที่ผม คิดทำได้อย่างสบายใจ สุขใจ ด้วยพลังใจที่เต็มเปี่ยม ที่จะสร้างสรรค์ผลงานภาพพระองค์ขึ้นมาผ่านผนังอาคารตึกสูง

ข่าวที่น่าสนใจ

• ‘สตรีทอาร์ต คิงภูมิพล’ ตั้งใจวาดรูปในหลวง ร.9 ให้ใหญ่เท่าฟ้า •

.
“ศิลปะ” มีพลังมหาศาลถ้าได้อยู่ถูกที่ถูกทาง ความคิดนี้จึงทำให้ผมมั่นใจว่าโครงการ ‘สตรีทอาร์ต คิงภูมิพล’ จะเกิดประโยชน์จริงๆ ผมอยากให้ทุกคนจดจำ ผมไม่อยากให้คนลืม ซึ่งผมเชื่อว่าคนไทยลืมง่าย ผมไม่อยากให้คำๆนี้เกิดขึ้นกับพระองค์ครับ ถ้าผมวาดลงบนเฟรมขนาดเล็ก ผมอาจะขายผลงานได้ แต่สำหรับผมมันไม่พอ ไม่ตอบโจทย์อะไรที่ผมรู้สึกเลย
.
เพราะฉะนั้น เราต้องเปลี่ยนแปลงบริบทของรูปวาด ในหลวงรัชกาลที่9 ให้เป็นรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 แบบที่เป็น สตรีทอาร์ต ผมจึงคิดด้วยหัวใจตัวเองว่า พระองค์ท่านยิ่งใหญ่แค่ไหนสำหรับผม ผมจะวาดให้ใหญ่เท่าความรู้สึกของผม พื้นที่ผนังตึกชั้นเดียวไม่พอ ต้องมากกว่านั้น ต้องเท่าฟ้า ถึงจะพอ
.
แต่ตอนแรก ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้จริงๆเหรอ ในรูปแรกที่เบตง อาคาร 3-4ชั้น มันใหญ่มากเลยครับ ดูจากรูปที่เขาส่งมาก่อนไปวาด แต่พอไปถึงหน้างานคือ โอ้วแม่เจ้า เราตัวเล็กนิดเดียวเองเนาะ แล้วคืออะไรรู้มั้ยครับ? ผมไม่มีโปรเจคเตอร์ ที่จะเอาไว้ฉายเพื่อดราฟโครงสร้างพระพักตร์ของพระองค์เลย ผมไปมือเปล่าครับ แต่ผมมีรสนิยมและทัศนคติส่วนตัวว่า ผมจะวาดสด ไม่ดราฟ ผมชอบแบบนี้มันท้าทายดี ซึ่งมันคือยากมากถ้าเอามาทำกับรูปวาดขนาดตึก 3 – 4ชั้น ในเวลา 3วัน

แต่ผลที่ออกมา มันก็ใหญ่จริงๆ แล้วก็ทำให้ผู้คนจดจำพระองค์ท่านได้มากกว่าเดิม และยังสามารถจำคำสอนของพระองค์ท่านได้อีกด้วย แบบที่มีคนเคยบอกครับว่า “ธรรมดาโลกไม่จำ”

มาถึงตอนนี้ ผมเริ่มวาดไปได้ 11 แห่ง 10 จังหวัดแล้ว และการไปถึง 77 จังหวัด ให้ได้นั้น มันไม่ได้เป็นเพราะต้องการโหนกระแสอะไร แต่แค่เราต้องการทำให้คนจดจำพระองค์ท่านให้ได้มากกว่ารูปใหญ่ๆรูปเดียวที่เบตง

มีช่วงนึงผมจะหลีกเลี่ยงการวาดในวันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระองค์เสมอ แค่อยากจะบอกว่า โครงการนี้ไม่ได้โหน เราแค่อยากจะสานต่อที่พ่อทำ ในอนาคต ถ้าผมเจอตึก 30ชั้น ผมก็จากวาด 60 ชั้น ก็จะวาด เพราะแค่นั้นก็ยังไม่ใหญ่เท่าฟ้าเลย พระองค์ท่านทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น

อีกแง่นึง ผมคิดว่างานสตรีทอาร์ตที่วาดบนตึกสูง ตึกกว้างๆ ตึกใหญ่ๆ รูปในหลวงรัชกาลที่ 9 หลายรูป น่าจะทำลายสถิติไปแล้วครับ อย่างสตรีทอาร์ต ที่สูงที่สุด น่าจะเป็น SAKB7 โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่19 กาญจนบุรีและ กว้างที่สุด น่าจะเป็น SAKB6 ขนส่งเก่าเชียงราย

• งบประมาณในการวาดภาพแต่ละแห่ง •
.
ถ้านับต้นทุนดิบๆเลยแบบที่ไม่มี รถกระเช้าและสีคอยสนับสนุน ในรูปขนาดใหญ่มากกว่าตึก 3 ชั้นขึ้นไปรวมค่าแรงน้องๆทีมงานกว่า 10 ชีวิต ก็ราวๆ 500,000 – 600,000 บาท แต่ถ้าเป็นศิลปินทั่วไปหากรับงานใหญ่แบบนี้มาคิดเป็นราคางานจริงๆ คง 800,000 -1,000,000 บาท ครับ

แต่ผมเชื่อว่า ถ้าเป็นราคานี้จริง โครงการจะไปไม่ถึง 77 จังหวัด ผมจึงตัดค่าแรงที่เป็นส่วนของผมออกไป และที่ผ่านมาเราโชคดี ที่มีการสนับสนุนจากรถกระเช้าที่ดีที่สุดในประเทศไทย บริษัท ดีเร้นท์ แอนด์ เซอวิส จำกัด และ สีเกรดพรีเมียมจาก TOA paint ต้นทุนแตะละกำแพงที่วาดจึงไม่เกิน 2 แสนบาท ครับ

• อุปสรรค ในการดำเนินการวาดภาพ บางผนัง เจ้าของตึกไม่เต็มใจให้วาด และไม่เห็นมูลค่า •

.
ในตอนนี้ เมื่อเรามาที่หน้างานแล้วทุกคนจับพู่กันแล้ว ผมคิดว่าไม่ต้องห่วงอะไรเลย เรามีทีมที่ดีมาก ครบเครื่องมากกว่ารูปแรกๆครับ แต่ละภาพถ้าขนาด 3ชั้นขึ้นไป ขอเวลา 5-7 วัน
.
แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ การจัดโครงการให้เกิดขึ้นได้ในแต่ละจังหวัด เพราะผมไม่สามารถไปเซอร์เวย์กำแพงได้ทุกจังหวัด ที่ผ่านมาโครงการเกิดขึ้นได้เพราะมีอาสา จากคนในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีน้อย หลายท่านส่งกำแพงของบ้านของตึกตัวเองมาให้ก็ดีครับแต่จะขอเก็บไว้พิจารณาก่อน เพราะหลายกำแพงที่ส่งมาก็ยังไม่เหมาะและวาดจริงไม่ได้ครับ ตรงนี้ทางผมต้องกราบขออภัย และขอบคุณน้ำใจที่ส่งมาครับ
.
อย่างเวลาไปวาดภาพบางสถานที่ เจ้าของตึกก็ดูเหมือนไม่ค่อยให้ความร่วมมือ และไม่เห็นมูลค่าในการวาดภาพของเราเท่าที่ควร ส่วนกระแสต่อต้านจากกลุ่มคนไม่เห็นด้วย หรือไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตอนช่วงที่มีม็อบ 3 นิ้วแรงๆ ได้ไปวาดภาพในหลวงที่แถว 3 ย่าน กทม. ระหว่างที่ม็อบเดินขบวนก็ใช้สีพ่นคำหยาบใส่ภาพพระองค์ท่าน แต่ทางเราได้เตรียมพร้อมออกแบบภาพไว้ให้แก้ไขได้ง่าย เนื่องจากรู้แล้วว่าเรื่องเหล่านี้มันจะเกิดขึ้น เมื่อพบเห็นว่ามีการพ่นสีคำหยาบ จึงได้พาทีมเข้าไปแก้ไขภายในวันเดียว

• พระองค์ท่านยังอยู่กับเราไปตลอด •
.
การสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา ผมหวังให้ทุกคนไม่ได้แค่นึกถึงครับ แต่อยากให้ทุกคนรู้สึกว่าพระองค์ท่านจะยังคงอยู่กับเราไปตลอดได้จริงๆ
ถ้าทุกคนที่รักในพระองค์ อยากให้ท่านยังอยู่ ให้ลูกหลานได้ซึมซับในพระมหากรุณาธิคุณ ว่าพระองค์ท่าน คือราชาที่ดียิ่งใหญ่ของประเทศชาติ คุณงามความดีที่ท่านเคยทำไว้ เราต้องทำต่อจากพระองค์ท่าน ทำต่อเพื่อลูกหลาน
.
ผมจะจารึกพระราชดำรัส ของพระองค์ไว้ในภาพวาดของแต่ละสถานที่นั้นๆ ตามเรื่องราวความสำคัญของจังหวัดต่างๆ ที่พระองค์ท่านมีความเกี่ยวพัน

.
•หางบค่าใช้จ่ายทีมงานกันเอง•
.
สำหรับรายได้ค่าใช้จ่ายที่เอามาดำเนินการ นอกเหนือจาก สี อุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ที่ สปอนเซอร์ซัพพอร์ต ก็จะเป็นค่าใช้จ่าย กินนอน และค่าเดินทางของทีมพวกผมตลอดช่วงระยะเวลาที่วาดภาพจนเสร็จ และผมจะเป็นคนจ่ายค่าแรงให้น้องๆด้วย เงินทั้งหมดตรงนี้ตกที่ประมาณ 1 แสน 5 หมื่น บาท หรือ 2 แสน บาท มากน้อยแล้วแต่งาน
.
ผมจะหารายได้จากการทำโปสเตอร์ หรือ ภาพพิมพ์ รูปในหลวงที่ผมวาดเองออกมาขาย ใบละ 500 บาท หรือ 1000 บาท ซึ่งสามารถอุดหนุมได้ทางเพจ เพจเฟซบุ๊ก Street Art King Bhumibol
.
ในขณะที่บางคนอยากให้ผมไปวาดตามสถานที่ต่างๆ มีกำแพง มีอุปกรณ์ แล้วก็เตรียมที่กินที่อยู่ และค่าแรงน้องให้เสร็จสรรพ แบบนี้ก็มีเข้ามาบ้างครับ ซึ่งถ้าใครสนใจ ก็ติดต่อเข้ามาเลย ผมยินดีพาทีมไปวาดให้ ติดต่อที่เบอร์ 092-281-5119 ครูโป๊ป ประสานงาน