วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดอุดรธานี ในช่วงนี้ได้เข้าสู่ฤดูกาลทำนาปี ชาวนาในหลายพื้นที่ต่างนำรถไถนาออกมาไถนาเพื่อเตรียมแปลงนาปลูกข้าวกัน ทั้งนี้เพื่อเตรียมที่จะหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวและปักดำกล้าข้าว ให้ทันในวันพืชมงคล ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 13 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ โดยเชื่อว่าในวันพืชมงคลจะเป็นวันดีมีความเป็นสิริมงคล หากทำการเพาะปลูกพืชผลการเกษตรก็จะเจริญงอกงามและได้ผลผลิตดี และถือเป็นวันเริ่มต้นการทำนาปีในรอบแรกเพราะวันพืชมงคลหรือวันแรกนาขวัญ มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของชาวไทย ที่เป็นสังคมเกษตรกรรมสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งยอมรับว่าปัจจุบันต้นทุนในการปลูกข้าวซึ่งยอมรับว่าปัจจุบันต้น ส่วนใหญ่ได้หันมาทำนาหว่านเพื่อลดต้นทุน
นายสุขี รอดภักดี อายุ 49 ปี ชาวบ้านหนองสวรรค์ หมู่ 5 ตำบลเชียงพิณ บอกว่า ตนเองมีพื้นทีปลูกข้าว จำนวน 13ไร่ จะปลูกข้าวเหนียว ยอมรับว่าได้ผลกระทบจากน้ำมันแพงขึ้นมาทำให้ต้นทุนในการปลุกข้าวสูง เป็นเงินจำนวน 20,000 บาท โดยจะมีค่าน้ำมัน จำนวน 3,000 บาท หากคิดค่าจ้างไถปัจจุบันไร่ละ 300 บาท ค่าแรงหว่านข้าววันละ 400 บาท และค่าปุ๋ยก็ที่แพงขึ้นมาด้วย ส่วนราคาข้าวเปลือกแต่กลับถูกลง ซึ่งปีนี้ตนเอารถไถเดินตามมาทำการไถในพื้นที่นาของตนเอง แต่ชาวนาส่วนใหญ่ไม่กำลังทรัพย์ ที่จะมาจ้างตนไปไถในพื้นที่นาของเขาเพราะต้นทุนมันสูง
โดยทุกปีตนได้ข้าวเหนียวที่ปลูกจำนวน 200 กว่ากระสอบ ซึ่งปีนี้คงจะไม่นำข้าวที่ปลูกเอาข้าวไปขายจะเก็บเอาไว้กินหรือแบ่งข้าวเปลือกให้กับญาติพี่น้อง เพราะปีที่แล้วตนเอาข้าวไปขายได้เงินเพียงแค่ 10,000 บาท เพราะจำเป็นที่ต้องการใช้เงิน จึงต้องยอมเอาข้าวเปลือกไปขาย อยากฝากถึงรัฐบาลลุงตู่ด้วย ช่วยชาวนาด้วยให้ราคาข้าวสูงขึ้นมาและให้ราคาน้ำมันลดลงมา จะทำให้ต้นทุนในการปลูกจะได้ลดลงมา
นายสุชาติ ลีบาง อายุ 44 ปี ชาวบ้านดอกเกียด หมู่ 10 ตำบลเชียงพิณ บอกว่า ตนมีพื้นที่ปลูกข้าวจำนวน 12 ไร่ ตนก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันของต้นทุนในการปลูกข้าว ต้องใช้เงินปีละ 20,000 บาท แต่ก็ต้องทนหากไม่ปลูกข้าวก็จะไม่มีข้าวกิน โดยปีที่แล้วได้ข้าวเหนียวที่ปลุกจำนวน 200 กระสอบ อยากให้รัฐบาลมาช่วยเหลือชาวนาที่ปลูกข้าวให้ราคาข้าวกลับคืนมาขึ้นดีกว่าเดิม
ส่วนปีที่แล้วข้าวที่ปลูกก็ไม่ได้นำข้าวไปขายเพราะราคาข้าวถูกมากหากนำไปขายก็ขาดทุนมาก ในปีนี้ก็เช่นเดียวก็คงไม่นำข้าวไปขายจะเก็บเอาไว้กิน ยอมรับว่าชาวนาบางรายก็ยังทำนาปลูกเหมือนเดิม แต่บางรายก็เลิกทำนาไปเลยเพราะต้นทุนมากสูงมากหันไปทำงานรับจ้างแทน ซึ่งปีนี้ตนจะทำนาดำ เพราะได้ปริมาณข้าวมากกว่า ไม่เหมือนคนอื่นที่หันมาทำนาหว่านเพราะต้นทุนน้อยกว่าง่ายด้วยแต่จะได้ปริมาณข้าวน้อยกว่าเหมือนกัน โดยตนต้องจ้างคนมาดำนาช่วย ใช้ระยะเวลา 3 สัปดาห์ ใช้แรงงานประมาณ 10 คน รวมทั้งไถนาด้วย ติดเป็นเงินค่าจ้างวันละ 400 บาทต่อคนดังกล่าว
ภาพ/ข่าว กฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.อุดรธานี