“สธ.” ประกาศลดระดับการเตือนภัยโควิด เป็นระดับ 3

สธ.ประกาศลดระดับการเตือนภัยโควิดจากระดับ 4 เป็นระดับ 3 สถานการณ์ 54 จังหวัดอยู่ในช่วงขาลง กำชับทุกจังหวัดเตรียมแผนพร้อมเข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่น

ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด 19 ประเทศไทย ว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง สอดคล้องกับทั่วโลก ประชาชนให้ความร่วมมืออย่างดี ทำให้หลังสงกรานต์สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ไม่มีการระบาดใหญ่ตามมา ดังนั้นที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโควิด 19 เห็นชอบประกาศลดระดับการเตือนภัยโควิดจากระดับ 4 เหลือระดับ 3 ทั่วประเทศ คำแนะนำคือ กรณีการไปในสถานที่เสี่ยง ให้ทุกคนงดเข้าสถานบันเทิง เลี่ยงเข้าสถานที่ปิด มีการระบายอากาศไม่ดี และสถานที่แออัด ส่วนการร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก การเดินทางข้ามพื้นที่/ข้ามจังหวัด และการเดินทางเข้า-ออกประเทศ หากเป็นคนทั่วไปสามารถดำเนินการได้ แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางไปประเทศที่มีการระบาด สำหรับกลุ่มเสี่ยง 608 หรือผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ 3 เข็ม ให้เลี่ยงร่วมกิจกรรมรวมกลุ่มจำนวนมาก เลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท และงดเดินทางไปต่างประเทศ ถือเป็นข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขไม่เกี่ยวกับมาตรการบังคับ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

สำหรับสถานการณ์จริงของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ปอดอักเสบ ใส่เครื่องช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มลดลงสอดคล้องกันทั้งหมด เป็นไปตามการคาดการณ์ หรือบางตัวมีแนวโน้มดีขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ขณะนี้มีจังหวัดที่เข้าสู่ระยะทรงตัวแล้ว 23 จังหวัด และสถานการณ์ดีขึ้นอยู่ในระยะขาลง 54 จังหวัด แนวโน้มจากสถานการณ์เข้าสู่ระยะหลังการระบาดใหญ่เข้าไปเต็มที ทั้งนี้ ขอให้ทุกจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการเตรียมพร้อมเข้าสู่ระยะโรคประจำถิ่น เพื่อการมีส่วนร่วมของสถานประกอบการ หน่วยงานภาครัฐและประชาชน โดยเดินหน้ามาตรการ 2U คือ Universal Prevention ป้องกันตนเองครอบจักรวาล และ Universal Vaccination โดยเน้นให้กลุ่ม 608 รับเข็มกระตุ้นมากกว่า 60% และเน้นเรื่อง 3 พอ คือ เตียงสีเหลือง สีแดง, ยา เวชภัณฑ์ วัคซีน และบุคลากรทางการแพทย์มีเพียงพอต่อการให้บริการที่ได้มาตรฐาน

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า ในช่วงพฤษภาคม 2565 มีจุดหมายเรื่องเปิดเรียน จึงต้องเตรียมความพร้อม ซึ่งครูและบุคลากรทางการศึกษามีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วมากกว่า 90% ส่วนกลุ่มเด็กอายุ 12-17 ปี ฉีดครบ 2 เข็มแล้วมากกว่า 90% จึงต้องเร่งฉีดเข็มกระตุ้น ส่วนเด็กอายุ 5-11 ปี เป้าหมาย 5.1 ล้านคน ฉีดเข็ม 1 แล้ว 2.8 ล้านคน คิดเป็น 54.5% และเข็ม 2 ฉีดแล้ว 8.9 แสนคน คิดเป็น 17.4% ซึ่งมีนักเรียนที่ประสงค์รับวัคซีนสูตรนี้เพิ่มเติม 1.6 แสนคน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เกาหลีใต้เตรียมเจรจาภาษีทรัมป์กับสหรัฐสัปดาห์นี้
"กัน จอมพลัง" อัปเดตอาการล่าสุด "ลุง-ป้า" ยังน่าห่วง ยอมถอยคนละก้าว ให้ "พีช" จ่ายเยียวยา เร่งคุยหาทางออก
‘เต้ มงคลกิตติ์ ’ เตือน ‘กัน จอมพลัง’ ถอยเพื่อรักษาชีวิต จำบทเรียนทนายตั้มไว้เป็นตัวอย่าง
"ซูเปอร์โพล" เผยคนไทยหลังสงกรานต์ ยังทุกข์ปัญหาศก. คงเชื่อมั่นศักยภาพ "นายกอิ๊งค์"
ทูตจีนประจำสหรัฐเรียกร้องทรัมป์ยุติสงครามการค้า
“ฮุนเซน” หัวร้อน! สั่งกองทัพขน BM21 หลัง “สปป.ลาว” ส่งทหารยึดพื้นที่
"นายกเบี้ยว-พีช" มารพ. หวังเข้าเยี่ยม "ลุง-ป้า" คู่กรณี แต่ถูกปฏิเสธ เขียนจดหมายฝากขอโทษอีกครั้ง
ผู้ค้า "ตลาดนัดจตุจักร" โวย "กทม." จัดพื้นที่ค้าไม่เป็นธรรม ให้เอกชนประมูล กระทบค่าที่โหด เดือดร้อนกว่า 500 แผง
"ก.อุตสาหกรรม" แก้เกม "ซินเคอหยวน" นัดแถลง 21 เม.ย.นี้ ประกาศตรวจเหล็กเส้นตึกสตง.เพิ่มอีก ในวันเดียวกัน ย้ำยึดข้อกม. เดินหน้าเอาผิด
ชัดเจน เปิดปมเหตุ "กัน จอมพลัง" อาสาช่วย "ลุง-ป้า" โดนเก๋ง BMW ปาดบนทางด่วน หวั่นซ้ำรอยคดีเก่า

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น