“อัษฏางค์” งงตรรกะซื้อ “คาร์ซีท” เพื่อปลอดภัย ไปบ่นจะอดตาย ทั้งๆรถราคาเป็นแสนเป็นล้าน

อัษฏางค์ งงตรรกะซื้อ “คาร์ซีท”บ่นทั้งเมืองจะอดตายกันอยู่แล้ว โยงไปถึงสังคมและการเมือง เหน็บซื้อรถเปลี่ยนเครื่องเสียงเป็นแสนเป็นล้านได้ แต่ซื้อ “คาร์ซีท”หลักพันแลกความปลอดภัยของลูกไม่ได้ ยกประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลกไม่มีให้เด็กนั่งโทษถึงขึ้นศาล

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” ข้อความว่า แค่เรื่องต้องซื้อ “คาร์ซีท” ก็ต้องเป็นประเด็นทางสังคมและการเมือง! ซื้อรถราคาเป็นแสนเป็นล้าน…ได้ เปลี่ยนเครื่องเสียง-ล้อแม็กซ์เป็นหมื่นเป็นแสน….ได้ แต่คาร์ซีทราคาหลักพันกับความปลอดภัยของชีวิตลูก ซื้อไม่ได้ เดือดร้อนมาก จะอดตายกันอยู่แล้ว

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.จราจรทางบก เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งและมีที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (Car seat) ฝ่าฝืนปรับ 2,000 บาท พอมีประกาศนี้ออกมาก็เกิดกระแสขึ้นในสังคมทันที ซึ่งผมเห็นแล้วยังแอบนึกในใจ ว่านี่ถ้าฝรั่งเข้าใจภาษาไทย มันต้องเป็นเรื่องน่าอายชาวโลกแน่ๆ

คนไทยบางคนบางกลุ่ม เขาออกมาเรียกร้อง โจมตี ด้อยค่า ว่าทำไมเมืองไทยยังไม่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว รัฐบาลไทยบริหารประเทศยังไง ประเทศไทยถึงยังไม่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่เชื่อได้ว่า พวกเขาเหล่านั้น ไม่เข้าใจว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วคืออะไร เป็นอย่างไร เขาคิดว่า ประเทศที่พัฒนาแล้ว คือประชาชนอยู่ดีกินดี มีเทคโนโลยีทันสมัยใช้ในประเทศ แต่เขาลืมคิดว่า ตัวเขาและคนรอบตัว อยู่ดีกินดีมานานแล้ว และมีทุกอย่างใช้ที่ชาวโลกมี มานานแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาไม่มี และที่ชาวโลกในประเทศที่พัฒนาแล้วมีคือ การมีมารยาทและการเคารพกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากการใช้รถใช้ถนนและในการเดินทาง ที่ออสเตรเลีย ถ้าเด็กไม่นั่งคาร์ซีท จะถูกปรับ $337 หรือประมาณ 8,000 บาท พร้อมตัด 3 แต้ม คุณอาจคิดว่า 3 แต้มน้อยนิดเดียว แต่ความจริงคือ รัฐจะให้ผู้ขับขี่ทุกคน 12 แต้มทุก 3 ปี หมายความว่า ถ้าถูกตัดหมด 12 แต้ม จะถูกห้ามขับรถ จนกว่าจะครบ 3 ปี ส่วนในอเมริกาแค่เรื่องไม่มีคาร์ซีท ต้องไปขึ้นศาลกันเลยทีเดียว

คนไทยพูดต่อๆ กัน จนเชื่อตามกันว่า การต้องซื้อคาร์ซีท คือ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น คือความสิ้นเปลือง แล้วออกมาพูดว่า จะอดตายกันอยู่แล้ว แต่เขาพร้อมหรือถ้ายังไม่พร้อมก็ทำทุกอย่างเพื่อจะได้มีเงินพร้อมไปเปลี่ยนล้อแม็กซ์ เปลี่ยนเครื่องเสียงราคาเป็นหมื่นเป็นแสน โดยไม่บ่นอะไร แถมมีคนชื่นชมและทุกคนอยากเอาเป็นเยี่ยงอย่าง แต่คาร์ซีท คือความปลอดภัยของชีวิตลูกหลาน ราคาเพียงหลักพัน เขาบ่นกันทั้งเมือง แล้วพยายามยกคาร์ซีทราคาหลักหลายหมื่นขึ้นมาพูด เพื่อให้คนเชื่อตามว่า มันเป็นสินค้าสิ้นเปลืองที่ราคามหาโหด ทำไมต้องซื้อของแพง ทำไมต้องซื้ออันที่มันมีราคามหาโหด แค่หลักพันก็ทำให้ชีวิตลูกหลานของคุณมีความเซฟตี้แล้ว แถมยังเป็นการทำตามกฎหมาย และเป็นการกระทำของผู้มีอารยะ เหมือนนานาอารยประเทศที่เขาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว อยากเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มันต้องทำสิ่งพวกนี้

เหมือนคุณทำมาหากินในแต่ละเดือนได้เงินมากมายมหาศาล แล้วพอคุณออกไปนั่งร้านอาหารดีๆ หรูหรา แล้วคุณใช้มือจกอาหาร พูดไปในขณะที่ข้าวเต็มปาก ส่งเสียงด่ากันดังสนั่นใน ภัตตาคารในโรงแรม แล้วพอมีพนักงานมาเตือน คุณบอกว่า ฉันเป็นลูกค้า ฉันมีเงินจ่าย แกต้องบริการฉัน แกต้องเอาใจฉัน แบบนี้คุณว่า คนอื่นผู้มีความเป็นอารยชนจะมองคุณอย่างไร
ฉันใดฉันนั้น คุณขับรถยนต์ราคาเป็นหลายแสนหลายล้าน ถนนที่วิ่งเป็นถนนชั้นดี เมืองไทยของคุณมีตึกระฟ้าท่วมกรุงเทพ แต่ประเทศไทยของคุณไม่มีกฎหมายให้คนขับรถโดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ขี่มอเตอร์ไซค์โดยไม่ต้องสวมหมวกกันน็อก นั่งบนกระบะหลังกันเป็นโหล และเด็กไม่มีคาร์ซีท มันคือภาพเดียวกับการไปนั่งกินอาหารในร้านอย่างที่เล่าไปข้างต้น คุณคนไทยซื้อรถราคาหลายแสนถึงหลายล้านได้ แต่มีปัญหากับคาร์ซีทราคาหลักพัน ผมงงกับตรรกะนี้มาก

 

ผมเล่าอะไรให้ฟัง 20 กว่าปีก่อน ผมมาออสเตรเลียใหม่ๆ ผมขับรถออกบ้านมาปากซอยเพื่อซื้อขนมให้ลูก จริงๆ เดินมาก็ได้ เพราะไม่ไกล แต่ผมนึกสนุกเอาลูกนั่งตักแล้วก็ขับรถออกจากบ้าน
ปรากฏว่า โดนตำรวจ ในเครื่องแบบปั่นจักรยาน 2 คน ขับจักรยานมาดักหน้าดักหลัง ลองคิดดูน่ะ จักรยานขับแซงรถยนต์ได้นี่ผมขับช้าขนาดไหน ผมโดนตำรวจจับ 2 ข้อหา คือ “เอาเด็กเล็กนั่งตักตรงที่นั่งคนขับและเด็กไม่ได้นั่งในคาร์ซีท” ด้วยความไม่รู้ผมก็เถียงตำรวจว่า ผมขับช้าๆ และบ้านก็อยู่ในซอยนี่เอง ตำรวจถามว่า คุณมาจากไหน? ผมตอบว่า เมืองไทย ตำรวจถามต่อว่า คุณอยู่เมืองไทยทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ? ผมตอบหน้าตาเฉยว่า ทำได้ ตำรวจตกใจ ไม่คิดว่า คำตอบของผมจะเป็นแบบนั้น เขาทำหน้างงปนดูถูก คงคิดในใจประมาณว่า ไอ้บ้านนอกเอ้ย

ที่ผมเถียงตำรวจแบบนั้น เพราะเมืองไทยไม่เคยมีกฎหมายนี้ และคนไทยไม่เคยมีความรู้ และความตระหนักว่า เด็กจำเป็นต้องนั่งในคาร์ซีท เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของลูกหลาน
ถ้าเป็นตำรวจออสซี่ที่นิสัยไม่ดีหน่อย คงนึกในใจแบบดูถูกว่า ไอ้นี้มาเมืองนอกไม่กี่เดือน มีเงินซื้อรถมาขับ คนออสซี่อีกหลายคนยังไม่มีรถยนต์ส่วนตัวใช้เลย แต่มันไม่มีปัญญาซื้อคาร์ซีทมาใช้เพื่อความปลอดภัยของลูก และไม่มีสำนึกในเรื่องความปลอดภัยของลูก พวกประเทศไม่พัฒนา คนเลยไม่พัฒนาแบบนี้

อยากเห็นประเทศพัฒนา มันต้องมีสำนึกและร่วมมือร่วมใจในสิ่งที่รัฐพยายามปรับเปลี่ยน และพัฒนา สิ่งละอันพันละน้อย แบบค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น