หลังจากเกิดประเด็นคลิปวิดิโอโปรโมทแคมเปญลดราคาสินค้าของลาซาด้า ที่ว่าจ้างนารา เครปกะเทยจัดทำ แต่มีเนื้อหาจาบจ้วงล้อเลียนสถาบัน จนเกิดปรากฎการณ์สังคมไทยแบนลาซาด้า และปิดบัญชีใช้งานในแอปพลิเคชั่นลาซาด้า รวมถึงล่าสุดที่เหล่าทัพ ทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ไปจนถึง พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ออกมาแสดงจุดยืนแบนลาซาด้าด้วยวิธีต่างๆ เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
ข่าวที่น่าสนใจ
แต่ทว่าการแสดงออกของเหล่าทัพ กลับถูกพรรคการเมืองขาประจำอย่างพรรคก้าวไกล ออกมากระแนะกระแหน เช่น นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์ สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ทวีตข้อความว่า เอาจริงๆนะครับ ผมว่ากองทัพควรจะพูดมาตรงๆเลยดีกว่า ว่าเคลื่อนไหวแบบนี้เพราะสาเหตุอะไร เพราะเมื่ออ้าง “คุณค่าความเป็นมนุษย์” แล้วพอเราลองไปดูสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในกองทัพ ก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆว่า ใครบ้างที่กองทัพมองว่าเป็น “มนุษย์”
ขณะที่ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กว่า “ผมชอบซื้อของกับ Lazada มากกว่า Shopee เพราะตอนจ่ายสามารถตัดบัตรเครดิตได้ทันที ไม่ต้องขอ OTP ส่วนตัวคิดว่า Lazada ควรปรับปรุงเรื่อง filter ที่ไม่มีให้เลือกดูเฉพาะสินค้าที่ส่งจากไทย ส่วนเรื่องดรามา ตอนนี้ค่อนข้างจะไร้สาระสุดๆ ถ้าขายถูกกว่าที่อื่น แต่กองทัพไทยไม่ซื้อ ก็ให้รู้ไปว่ากองทัพใช้งบประมาณตามอารมณ์แบบนี้”
ส่วนพรรคเพื่อไทย ก็เป็นอีกพรรคที่ถูกจับตามองว่าพรรคจะมีจุดยืนในประเด็นนี้อย่างไร ในฐานะที่เป็นพรรคการเมืองเบอร์ 1 ของประเทศ แต่หลังจากเกิดเรื่องนี้ พรรคเพื่อไทยหรือ ส.ส.ของพรรคยังเงียบกริบ ไม่มีใครออกมาพูดแม้แต่คนเดียว มีเพียงนายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำของพรรรค ที่ใช้ทวิตเตอร์ส่วนตัว ไปรีทวิตข้อคความของผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อถือแถน ที่วิจารณ์ผู้บัญชาการทหารบกว่า ผบ.ทบ.คงเข้าใจว่า ลาซาด้า คือบริษัทขนส่ง เลยไปสั่งห้ามว่า ไม่ให้รถขนส่งลาซาด้าเข้าค่ายทหาร ทหารชั้นผู้ใหญ่บ้านเราไม่ทันโลกก็แบบนี้ ซึ่งแม้จะเป็นการรีทวิตข้อความของนายภูมิธรรม แต่ก็พอจะทราบจุดยืนแล้วว่า คนของพรรคเพื่อไทยเป็นจุดยืนในเรื่องนี้อย่างไร
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของกองทัพ ก็เป็นไปตามจุดยืนพิทักษ์ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และยังเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 50 ได้บัญญัติไว้บางส่วนว่า หน้าที่ของปวงชนชาวไทย ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ,ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน รวมทั้งให้ความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเคารพและไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น และไม่กระทําการใดที่อาจก่อให้เกิดความแตกแยกหรือเกลียดชังในสังคม
ขณะที่มาตรา 52 ก็กำหนดไว้ชัดเจนว่า รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ดังนั้นสิ่งที่ต้องตั้งคำถามไปยังพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ไปจนถึงพรรคอื่นๆที่ยังคงปิดปาก เลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องนี้ ลืมหน้าที่ของตัวเองตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้วหรือยัง ทั้งที่ก่อนหน้านี้มักอ้างคำว่า ประชาธิปไตย อ้างความเท่าเทียมของบุคคล แต่พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน กลับมองข้าม และเบี่ยงประเด็นไปดิสเครดิตกองทัพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
