ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ถนนวิทยุ นายนิติธร ล้ำเหลือ กลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) และเครือข่ายภาคประชาชน ยื่นหนังสือเปิดผนึกที่มีการลงนามร่วมกัน ถึง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพื่อเรียกร้องยกเลิกแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม(Joint Statement) ระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา 2020และพันธกรณีจากแผนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกและองค์กรนาโต้-2 สืบเนื่องมาจาก สหรัฐได้เป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมสุดยอดสหรัฐและผู้นำอาเซียน สมัยพิเศษ(ASEAN-US Special Summit) ที่กรุงวอชิงตันดี.ซี. โดยมีพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทยเดินทางไปร่วมประชุมด้วยตนเองตามคำเชิญประกอบกับในขณะนี้สถานการณ์ยังมีการสู้รบระหว่างรัสเซียยูเครนที่มีสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นและสหรัฐเองก็ประกาศสนับสนุนยูเครนอย่างชัดเจนตลอดจนความพยายามของสหรัฐที่สกัดกั้นการแพร่ขยายอิทธิพลในภูมิภาคอาเซียนของจีนที่เป็นพันธมิตรที่สำคัญของรัสเซียมาโดยตลอดทำให้ ประชาชนคนไทยเห็นว่าการประชุมครั้งนี้อาจมีวาระซ่อนเร้น
"นิติธร-จตุพร" ลงนามร่วม ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ยกเลิกแถลงการณ์ร่วมไทย-สหรัฐฯและพันธกรณีจากแผนยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และองค์กรนาโต 2 หวั่นประชุมร่วมกรุงวอชิงตันดี.ซี.มีวาระซ่อนเร้น เผยหากสหรัฐต้องการทำสงครามกับจีนควรใช้แผ่นดินตนเองไม่ใช่แผ่นดินไทยลั่นไม่อยากให้ไทยเป็นยูเครน 2
ข่าวที่น่าสนใจ
นายนิติธร ระบุว่า ตนในฐานะคนไทย อยากจะบอกประชุมพี่น้องประชาชน สหรัฐอเมริกาว่ายังเป็นมิตรกัน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น จนต้องออกมาในครั้งนี้เป็นเพราะประธานาธิบดีของท่าน ซึ่งในอดีตในหลายๆท่านก็เคยสร้างปัญหาให้กับประเทศไทยมาโดยตลอด ซึ่งประเทศไทยนั้นมีเอกราชและมีอิสระ ตนเองไม่เคยเชื่อว่าอเมริกามีเอกราชอย่างแท้จริงเป็นเพียงวาทกรรมเพราะถ้าหากเข้าใจจะไม่เข้ามาทำร้ายเอกราชของชาติใด ซึ่งโจ ไบเดน อาจจะเก่งเรื่องจิตวิทยาแต่พี่น้องประชาชนคนไทยและทั่วโลกเก่งเรื่องจิตสำนึกที่เห็นเพื่อนมนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์เป็นคนเท่ากัน ไม่เห็นว่าประเทศตนเองใหญ่จะสามารถฆ่าได้ทุกประเทศ ยึดปล้นทรัพยากรต่างๆ ซึ่งในวันนี้ประชาชนคนไทยและทั่วโลกลุกขึ้นตื่นเพื่อที่จะสู้กับมหาอำนาจและขออย่าให้ยุ่งกับเอกราชและอิสระของประเทศไทย และใช้ประเทศไทยในการสู้รบกับประเทศจีน ซึ่งการประชุมที่เกิดขึ้นที่กรุงวอชิงตันดีซีเป็นข้อตกลงระหว่าง รัฐบาลเท่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาชนหรือผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา
ด้านนายจตุพร เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ของประเทศไทยที่ร่วมศตวรรษทำตามสหรัฐอเมริกาทุกอย่าง ยินยอมให้ใช้พื้นแผ่นดินนี้เป็นฐานที่มั่นในการ จัดการกำลังทหารไปโจมตีประเทศเพื่อนบ้านเสียหายไปนับล้านๆชีวิต ซึ่งมหาอำนาจที่ประกาศตนเป็นมหามิตรของไทยไม่ได้สำนึกถึงแผ่นดินนี้ บทเรียนของ 2518 ที่คนหนุ่มสาวร่วมกับ พลตรีหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ขับไล่ฐานทัพ กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในประเทศไทย ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้เอาเปรียบและปฏิบัติเหมือนไทยเป็นเมืองขึ้น กรณีอนุสัญญาอินโด-แปซิฟิกนั้นเป็นเรื่องที่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าการที่นายกรัฐมนตรีของไทยลงนามร่วมกัน ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ ในการต่อต้านเป็นปฏิบัติต่อประเทศจีนนั้น เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เพราะไม่อยากให้ไทย กลายเป็นยูเครน 2 หรือเป็นการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าไทย อย่างที่เราไม่สามารถป้องกันตนเองได้ พร้อมยกตัวอย่าง กงสุลใหญ่สหรัฐที่จ.เชียงใหม่ ที่สร้างด้วยงบประมาณหลักหมื่นล้านบาท ซึ่งหากสหรัฐต้องการประกาศสงครามกับจีนต้องใช้แผ่นดินของตนเองไม่ใช่แผ่นดินไทยซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้
นายจตุพร ยังฝากถึงพลเอกประยุทธ์ ว่า ลองโควิดคนไทยทนได้ ลองประยุทธ์ชักจะไม่ไหว ต้องเดินไปบอกกับสหรัฐว่าการลงนามดังกล่าว คนไทยไม่อาจยอมรับได้ขอถอนการลงนามให้เป็นโฆษะ เพราะอีกไม่กี่วันพลเอกประยุทธ์ก็ต้องออกไปแต่ประเทศไทยก็ยังคงอยู่ตนเองไม่อยากให้ประเทศไทยเจอกับสงครามเหมือนเช่นยูเครนจะอยู่ขณะนี้
ทั้งนี้ยืนยันว่าประชาชนคนไทยยังคงเป็นมิตรกับอเมริกาอันถือเป็นความสัมพันธ์ต่อเนื่องยาวนานกว่า 200 ปีบนพื้นฐานความร่วมมือในหลากหลายมิติ ที่ต้องเคารพยอมรับความมีอธิปไตยให้เกียรติซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียมซึ่งประเทศไทยยึดมั่นในนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระพร้อมเป็นพันธมิตรกับทุกประเทศยึดมั่นในเส้นทางของการพัฒนาอย่างสันติยึด ยืนหยัดต่อความถูกต้องเพื่อความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง