บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 โดยมีรายได้รวม (Total Revenue) เท่ากับ 22,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125% จากไตรมาส 1/2564 โดยปัจจัยหลักมาจากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 และ หน่วยที่ 2 (รวม 1,325 เมกะวัตต์) ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2564 ประกอบกับการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SPP 12 โรง ภายใต้กลุ่ม GMP ทั้งจากราคาขายไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติ และจากปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ กฟผ. และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการที่โครงการโรงไฟฟ้า 12 SPP มีจำนวนลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้น 34.7 เมกะวัตต์ จากอุตสาหกรรมยานยนต์ เคมี ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และบรรจุภัณฑ์
ในขณะเดียวกัน GULF ยังรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 465 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเยอรมนี จากความเร็วลมเฉลี่ยที่ดีขึ้น จาก 9.8 เมตร/วินาที ในไตรมาส 1/2564 เป็น 11.0 เมตร/วินาที ในไตรมาส 1/2565 แม้ว่า Capacity Factor เฉลี่ยในไตรมาสนี้ จะลดลงเหลือ 39% เมื่อเทียบกับ 41% ในไตรมาส 1/2564 อันเนื่องมาจากมีการจำกัดปริมาณการรับซื้อไฟฟ้า (curtailment) โดยรัฐบาลประเทศเยอรมนี อย่างไรก็ตาม โครงการ BKR2 ได้รับรายได้ชดเชยสำหรับปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าทั้งหมดที่ถูกจำกัด เสมือนว่าไม่ได้มีการ curtailment เกิดขึ้น ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของ GULF นอกจากนี้ GULF ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH จำนวน 1,100 ล้านบาทในไตรมาส 1/2565 อีกด้วย
ทั้งนี้ กำไรขั้นต้นจากการขายในไตรมาส 1/2565 เท่ากับ 4,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% เมื่อเทียบกับ 2,941 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2564 อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย (Gross Profit Margin) ในไตรมาสนี้ เท่ากับ 22.1% ลดลงจาก 33.1% ในไตรมาส 1/2564 เนื่องจากมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นของโครงการโรงไฟฟ้า IPP เพิ่มขึ้น ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า IPP จะต่ำกว่าอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าพลังงานลม BKR2 ทำให้เฉลี่ยแล้ว อัตรากำไรขั้นต้นของ GULF ลดลงตามสัดส่วนของกำไรขั้นต้นของโครงการโรงไฟฟ้า IPP ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับในไตรมาส 1/2565 มีต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นจาก 220.17 บาท/ล้านบีทียูในไตรมาส 1/2564 เป็น 441.56 บาท/ล้านบีทียูในไตรมาสนี้ หรือเพิ่มขึ้น 101% ในขณะที่ค่า Ft เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.1671 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง (จาก -0.1532 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง เป็น 0.0139 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง) อย่างไรก็ดี เนื่องจาก GULF มีสัดส่วนการขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. ถึง 87% ซึ่งต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติจะถูกส่งผ่าน (pass through) ในรูปของรายได้ค่าไฟฟ้าไปยัง กฟผ. ในขณะที่มีสัดส่วนการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเพียงแค่ 13% จึงได้รับผลกระทบอย่างจำกัดจากราคาค่าก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น