“นักข่าว”อยากมีบท จับมือ “อินฟลูเอนเซอร์” เล่นใหญ่ สุดฉาวแวดวงสงฆ์ สะเทือนจรรยาบรรณสื่อ

ในยุคที่นักข่าวอยากมีบทบาทชื่อเสียงเกินหน้าที่ อินฟลูเอนเซอร์ ตัวดี ก็หากินกับยอดกดไลค์กดแชร์ กระแสตีกลับจนฉาวอื้ออึงสะเทือนจรรยาบรรณ แต่สมาคม-สภาวิชาชีพสื่อฯ ยังเงียบเป็นเป่าสาก

ดังฉาวสะเทือนวงการผ้าเหลืองสมใจอยากจากประเด็นที่ “หมอปลา” พาคณะสื่อฯ จัดฉาก บุกกุฏิ พระอาจารย์แสง ทั้งนักข่าว และทีมงาน พากันแสดงบทบาทเกินหน้าที่ จนสังคม ตั้งคำถาม ว่าเหมาะสมหรือไม่? ทั้งพฤติกรรมของหมอปลา และกลุ่มสื่อฯ…ซึ่งเมื่อย้อยกลับไปดู ก็จะเห็นได้ว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่กลุ่มคนหน้าเดิม มีพฤติกรรม เช่นนี้ คำถามใหญ่ๆ ก็คือ…. อะไร เป็นต้นเหตุ ?

เห็นการแสดงท่าทีของสื่อมวลชนภาคสนาม หรือ “นักข่าวภาคสนาม” ในยุคสมัยนี้ หวนกลับไปนึกถึงเมื่อเกือบ 20 กว่าปีก่อน วันที่ตัวเองก็เคยมีบทบาทเดินถือไมค์วิ่งตามแหล่งข่าวไปทุกแห่งหน ไหนจะกระดาษ – ปากกา และ เทปบันทึกเสียง เรียกได้ว่า All in one ทำคนเดียวทั้งข่าววิทยุ ข่าวโทรศัพท์ และข่าวหนังสือพิมพ์ ในยุคที่โลกของการสื่อสารไม่ได้พัฒนามาไกลอย่างวันนี้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ยุคสมัยเปลี่ยนไป ความก้าวไกลในเทคโนโลยี อาจทำให้ขั้นตอนวิธีหาข่าว เจาะข่าว ของสื่อมวลชน ง่ายแค่ปลายนิ้ว ข้อมูลที่ได้มาก็ถูกป้อนเข้าปากแบบไม่ต้องไปเสาะแสวงหา เวลาในการลงพื้นที่แต่ละครั้งก็มักจะเน้นหนักให้ตัวเองมีซีน มีบท สร้างคาแรคเตอร์ตัวตนบนโลกโซเชียล ควบคู่ไปกับการนำเสนอข้อเท็จจริงออกสู่สายตาประชาชน ทว่าบทบาทเหล่านี้บ่อยครั้งที่ถูกสังคมมองว่า “ทำตัวเกินหน้าที่” wanna be จนกลายเป็นประเด็นใหญ่โตในโซเชียล และมีชื่อ (เสีย) โด่งดังสมใจ

ไม่รู้ว่าต้องโทษต้นสังกัด หรือโทษคุณสมบัติส่วนบุคคลดี เพราะเท่าที่ผ่านมาเรตติ้งช่อง ก็เป็นแรงกระตุ้น ให้ฟันเฟืองภาคสนามเหล่านี้ เปิดหน้าแข่งขันกันทำคะแนน โกยยอดผู้ชมทางบ้านทางหน้าจอ ไหนจะเฟชบุ๊กแฟนเพจที่ไลฟ์สดกัน นาทีต่อนาที นำไปสู่การเพิ่มรายได้จำนวนมหาศาลในโลกโซเชียลมีเดีย

บทเรียนที่สอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำ โดยเฉพาะผู้ที่เรียกตัวเองว่า “ฐานันดร4” สะท้อนการปฎิบัติตัวไม่เหมาะสมออกมาเป็นระยะๆ ควบคู่ไปกับการรุมทึ้ง รุมขยี้ข่าวขยะเสิร์ฟหน้าจอ สนองเรตติ้งรายการทีวี … ย้อนไปเมื่อ 3-4 ปี ก็เคยมีเหตุการณ์ หวย ล็อตเตอรี่ 30 ล้าน ที่สื่อฯ พากันขยี้ เก็บทุกเม็ดทุกประเด็น แต่การนำเสนอข่าวครั้งนั้นก็ไม่เห็นจะเกิดประโยชน์กับสังคม

ถัดมาอีกไม่กี่ปี เข้าสู่กลียุค ปั้นผู้สงสัยคดีฆาตกรรม ให้กลายเป็นดาราดัง ออกทีวี นั่งตำแหน่งพรีเซ็นเตอร์สินค้ากันทั้งผัวและเมีย โหนกระแสจนติดลมบนมียอดเงินบริจาคไหลทะลักให้เจ้าตัว ที่ก็ยังมีมลทิน ไม่สิ้นข้อสงสัย ได้ร่ำรวยลืมตาอ้าปาก .. แถมยังมีนักยูทูปเบอร์ส่วนตัวหลายสิบชีวิต ที่คอยจับกล้องรอถ่ายทุกความเคลื่อนไหว สร้างรายได้ในโลกออนไลน์ เป็นกอบเป็นกำ ส่วนคนที่ทำให้บุคคลเหล่านี้โด่งดังกลับไม่ใช่แค่สื่อหิวแสง แต่ดันมีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ เสนอหน้าพาตัวเองมาเกาะกระแส สร้างยอดกดติดตามให้กับเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว

ยาวมาจนข่าวฉาวสะเทือนจรรยาบรรณสื่อ แต่ทุกชมรม – สมาคมฯ ที่มีบทบาทดูแลหน้างานโดยตรง กลับทำตัวเงียบเป็นเป่าสาก … เมื่ออินฟลูเอนเซอร์
ที่เคยอวดอ้างสรรพคุณว่าเก่งกาจด้านไสยศาสตร์ ตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าทีมกวาดล้างมารศาสนาในผ้าเหลือ นำทัพสื่อมวลชนรุ่นใหม่ ที่อยากจะสร้างคาแรคเตอร์หน้าจอ ไปบุกวัดคอยจับผิดพระที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทั่งเคสล่าสุด กระแสตีกลับ เพราะสื่อมวลชนเล่นใหญ่เกินวิชาชีพ รวมหัวกับอินฟลูเอนเซอร์หน้าเดิม จัดฉากล่อซื้อพระดัง ตีเนียนตั้งกล้องแอบถ่าย เอาคลิปออกมาเผยแพร่จนเป็นข่าวดัง …ทว่าเวรกรรมมีจริง เพราะลีลาท่าทีไม่มีสัมมาคารวะ ของสื่อมวลชนสาวสำนักดัง ขณะยืนสัมภาษณ์พระ ก็เผยแพร่ประจารตัวเอง นำสู่สภาวะ “โป๊ะแตก” ถูกจับได้ท้ายที่สุด ว่าหน้าม้าที่เอาตัวเข้าไปประชิดตัวล่อซื้อพระ คือคนๆเดียวกับสื่อสาวที่ไม่มีสัมมาคารวะ ที่ปรากฏอยู่ในข่าว

 

สืบสาวราวเรื่องกลับไปหา อินฟลูเอนเซอร์ คนดังต้องออกมานั่งเปิดหน้าสารภาพความจริง ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตีกลับพุ่งตรงไปที่สื่อฯสาว จนสำนักข่าวต้นสังกัดไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน? ขอขมา ก็แล้ว , ประกาศออกบทลงโทษโชว์หราก็แล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่สาสมกับการกระทำ ท้ายที่สุด ก็ถีบหัวส่งโดยการประกาศไล่ออก

ไม่เพียงเท่านั้น สื่อคนอื่นๆที่ร่วมวงไพบูลย์ นั่งสัมภาษณ์พระชื่อดังด้วยท่าทีไร้มารยาท อีกจำนวนหนึ่ง ก็ถูกทางต้นสังกัดประกาศบทลงโทษ เพื่อลดกระแสร้อนแรงในสังคม

แต่ที่เห็นยังนิ่งเงียบ ไม่หือ ไม่อือ ไม่ออกมาเสนอหน้าแอคชั่น กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อใช้ไม้แข็งปรับปรุงแก้ไข สังฆยานา วงการสื่อสารมวลชนให้ดีขึ้น ก็เห็นจะมีแต่ พวกสมาคมวิทยุ -โทรทัศน์ สื่อหนังสือพิมพ์ ยาวไปจนถึง สมาคมสื่อดิจิตอล และ สภาวิชาชีพสื่อฯ ต่างๆนาๆ … ว่าไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะตั้งขึ้นมาเพื่อเป้าประสงค์ใด ? ในเมื่อเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นอยู่ในขอบเขตความรับผิดชอบของตัวเองแท้ๆ ยังไม่กระตือรือร้นหาหนทางแก้ พลิกฟื้นแวดวงสื่อมวลชนให้กลับมาปฎิบัติตนอยู่ในจรรยาบรรณ ถึงขนาดปล่อยให้เรื่องราวบานปลาย แล้วเงียบไปเฉยๆแบบนั้น ประชาชน – ชาวบ้าน ตาดำๆ ต้องทนดูพฤติกรรมของสื่อฯ เหล่านี้อีกนานแค่ไหน?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น