ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2565 เวลา 22.35 น. ร.ต.อ.อภิวุฒิ ลีโพนทอง รอง สว.สอบสวน สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุพ่อยิงลูกชายคลั่งยาบ้าจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่กระท่อมนา ท้ายหมู่บ้าน บ้านดงวังพัง ม.5 ต.สะแบง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งเหตุจึงพร้อมด้วย ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองหาน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรโรงพยาบาลหนองหาน และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถานจุดบริการหนองหาน รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมีญาติผู้ตายและผู้ก่อเหตุ เพื่อนบ้าน ที่ทราบข่าวต่างมามุงดูและวิพากษ์วิจารณ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมนาชั้นเดียว ยกพื้นสูง ภายในกระท่อมนาพบศพนายประสิทธิ์ ศิริมา หรือสิทธิ์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 149 ม.5 ต.สะแบง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เสียชีวิตสภาพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อสียืดสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวพับขา สวมรองเท้าผ้าใบสีเทา มีร่องรอยกระสุนเข้าที่หน้าท้อง 1 นัด แขนขวา 1 นัด กระสุนทะลุ และไหล่ขวา 1 นัด กระสุนฝังใน ใกล้กันพบปลอกกระสุนขนาด .38 จำนวน 3 ปลอก มีดอีโต้ปลายตัดยาว50 ซม.และลูกดอกไม้ไผ่ หัวเหล็กปลายแหลม 2 ดอก ตกอยู่ข้างกัน โดยมีนางสร้อย ศิริมา อายุ 60 ปี แม่ผู้ตาย ยืนเฝ้าศพอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายวีระศักดิ์ ศิริมา หรือพล อายุ 64 ปี พ่อผู้ตาย หลังก่อเหตุได้ถือปืนสั้นขนาด .38 พร้อมกระสุนในลูกโม่ 1 นัด ไปแจ้ง นายสุรศักดิ์ อุดมพงษ์ อายุ 53 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านดงวังพัง ว่าก่อเหตุยิงลูกชายเสียชีวิตคากระท่อมนา ไม่ได้หลบหนีไปไหน ก่อนที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจะยึดปืนและกระสุนไว้ จากนั้นได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ และพานายวีระศักดิ์ฯ ผู้ก่อเหตุมามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ ที่กระท่อมนาที่เกิดเหตุ โดยรับสารภาพว่าที่ลงมือก่อเหตุยิงลูกชาย เพราะต้องป้องกันชีวิตของตนเองและภรรยา
นายสุรศักดิ์ อุดมพงษ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านดงวังพัง เปิดเผยว่า นายวีระศักดิ์ ฯ ถือปืนมาบอกว่าก่อเหตุยิงนายสิทธิ์ ลูกชาย เสียชีวิตคากระท่อมนา เพราะต้องป้องกันตัว เนื่องจากลูกชายคลุ้มคลั่งอาละวาด หลังจากขอเงิน 100 บาท จากพ่อและแม่ไม่ได้ นายสิทธิ์ฯ มีพฤติกรรมติดยาเสพติดมานานหลายปีแล้ว มักจะอาละวาดทำร้ายพ่อและแม่อยู่เป็นประจำ แต่กับชาวบ้านคนอื่น นายสิทธิ์ฯ ไม่กล้าทำอะไร 2 ปี มาแล้วที่ นายสิทธิ์ฯ มีอาการเพี้ยน คลุ้มคลั่งหนักมากขึ้น เมื่อต้นปีที่ผ่านมาพ่อและแม่ของนายสิทธิ์ฯ ได้ขอความช่วยเหลือให้นำตัวไปบำบัดรักษา แต่ก็รักษาได้ไม่นานก็หนีออกมา แถมยังเสพยาจนเพี้ยนหนักมากกว่าเดิม
นางสร้อย ศิริมา แม่ผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนและสามีมีอาชีพทำไร่ทำนา มีลูกด้วยกัน 3 คน คนตายเป็นลูกคนกลาง ไม่มีงานทำ ติดยาเสพติดมานานแล้ว ชอบมาขอเงินพ่อและแม่ไปซื้อยาบ้าเป็นประจำ เมื่อไม่ได้เงินตามที่ต้องการก็จะหาเรื่องทำร้ายร่างกายทั้งพ่อและแม่ จนตนเองและสามีต้องหนีจากบ้านพักในหมู่บ้าน ออกมาอาศัยกระท่อมนาอยู่กันตามลำพัง ปล่อยให้ลูกชายอยู่บ้านคนเดียว ส่วนลูกคนอื่นๆไปทำงานต่างจังหวัดกันหมด หนีออกมาได้ประมาณ 10 ปีแล้ว ซึ่งผู้ตายก็ยังคงตามมาขอเงินและทำร้ายร่างกายเรื่อยมา
“ วันนี้ลูกชายมาขอเงิน 2 รอบแล้ว ครั้งแรกช่วงเช้า ให้ไป 70 บาท ครั้งที่สองช่วงเที่ยง ให้ไป 90 บาท จนมาช่วงค่ำตนเองและภรรยากำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่บนกระท่อมนา ประมาณ 21.00 น. ลูกชายได้มาขอเงินพวกตนอีก 100 บาท ตนจึงบอกว่าตอนนี้ไม่มีเงินเหลือสักบาทแล้ว พอลูกชายได้ยินแบบนั้นจึงโมโห มีอาการคลุ้มคลั่งถือมีดจะเข้ามาทำร้ายพวกตน พร้อมกับตะโกนด่าพ่อและแม่อย่างบ้าคลั่ง บังคับให้พ่อและแม่กราบเท้า และให้หาเงินมาให้จงได้ ตนก็ได้แต่ปรามลูกว่าอย่าให้พ่อกราบเท้าเลยมันจะเป็นบาปติดตัวลูก “
นางสร้อย ศิริมา แม่ผู้ตาย เปิดเผยอีกว่า ใช้เวลาพูดคุยเกลี้ยกล่อมลูกอยู่นานแต่ก็ไม่เป็นผล สามีจึงตัดสินใจคว้าปืนมายิงสวนไป 3 นัด เพื่อป้องกันตัว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก สงสารผู้เป็นสามีที่สุดที่ต้องมาก่อเหตุฆ่าลูกตัวเอง ใจหนึ่งก็สงสารลูกชายที่ต้องจบชีวิตแบบนี้ แต่ถ้าสามีไม่ยิงลูกชายเพื่อป้องกันตัวก็จะเป็นตัวพ่อและแม่เองที่อาจจะต้องตายก่อน เพราะลูกชายมีอาการคลุ้มคลั่งและถืออาวุธมีดมาด้วย เบื้องต้นตำรวจได้ตรวจยึดของกลาง และนำตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.หนองหาน ก่อนแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
ภาพ/ข่าว กฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.อุดรธานี