โรค "ตาแดง" สงสัยมั้ย เพราะอะไร โรคนี้ถึงระบาดหนักในช่วงหน้าฝน? กรมการแพทย์มีคำตอบแล้ว พร้อมแนะแนวทางป้องกัน หากไม่ป่วย รีบเช็คด่วนที่นี่
ข่าวที่น่าสนใจ
กรมการแพทย์โดย รพ.เมตตาฯ แนะดูแลสุขภาพดวงตาในฤดูฝน โอกาสเกิดโรคภัยไข้เจ็บช่วงหน้าฝนเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่สุขภาพทั่วไป ในกลุ่มผู้มีอาการเป็นภูมิแพ้อากาศขึ้นตาเยื่อบุอักเสบ “ตาแดง” ไม่ควรมองข้ามเป็นได้อาจติดเชื้อแบคที่เรีย ไวรัส และภูมิแพ้ แนะหากมีอาการผิดปกติควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที
นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า หน้าฝนนี้ควรดูแลสุขภาพตนเองอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับสภาพ และมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศได้ การดูแลสุขภาพเบื้องต้นในช่วงหน้าฝน นอกจากดูแลตัวเองจากภายนอกแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหนก็ต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นการรับประทานผักและผลไม้ เพราะ สารอาหารที่รับประทานเข้าไปมีส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง และรับมือกับโรคในช่วงหน้าฝนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายแพทย์อภิชัย สิรกุลจิรา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงหน้าฝนที่มีสภาพอากาศอับชื้นและเย็นลง ซึ่งเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อโรค หากเป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานไม่แข็งแรง เข้าหน้าฝนอาการเจ็บไข้ได้ป่วยก็มาเยือน ไม่เพียงแต่เสี่ยงกับโรคระบบทางเดินหายใจ หรือ โรคทางผิวหนังแล้ว ดวงตาก็มีความเสี่ยงเช่นกัน โดยเฉพาะ โรคตาแดง ระบาดได้บ่อย
สาเหตุของการระบาด
- เมื่อฝนตก น้ำฝนจะไปชะล้างฝุ่นละอองที่อยู่ตามอาคาร หลังคา ตามรั้วต่าง ๆ และอาจกระเด็นมาสู่ตาเราได้
- ซึ่งน้ำที่ท่วมขังก็อาจจะมีเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย
- เมื่อน้ำที่สกปรกนั้นกระเด็นเข้าตาเรา ก็จะเกิดการติดเชื้อไปอย่างรวดเร็ว
- อาการรุนแรงที่สุดจะมีอาการอักเสบ เคืองตาอย่างรุนแรง ตามัว
- หากมีปัญหากับดวงตาหรือมีอาการผิดปกติควรพบจักษุแพทย์
นายแพทย์เอกชัย อารยางกูร จักษุแพทย์ หัวหน้าศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านจักษุ กล่าวเสริมว่า ในช่วงฤดูฝน การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เรื่องสุขภาพดวงตาก็ต้องการดูแลเช่นกัน ในช่วงหน้าฝนที่มาถึง ดวงตาก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดเชื้อเช่นกันโดยเฉพาะ โรคตา แดง ระบาดได้บ่อยครั้ง เมื่อเข้าสู่ฤดูกาลนี้
อาการ
- อาการจะเกิดได้ภายใน 1-2 วัน
- และระยะการติดต่อไปยังผู้อื่นประมาณ 14 วัน
- โดยแบ่งอาการได้ จากการเกิดอาการตาขาวมีสีแดงเรื่อ ๆ ระคายเคือง แสบตา น้ำตาไหล มีขี้ตามากกว่าปกติ
- อาจเกิดจากเชื้อโรคเข้าตาหรือนำมือที่เปื้อนสิ่งสกปรก ไปสัมผัสโดนดวงตาหรือหากเกิดจากติดเชื้อไวรัส
- หนังตาจะบวม น้ำตาไหลมาก ต่อมน้ำเหลืองกกหูบวม
- ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก
- ตาแพ้แสงหากติดเชื้อแบคทีเรีย จะมีขี้ตาสีเขียว หรือสีเหลือง
- มีน้ำตาไหล ตาแฉะ มองเห็นไม่ชัด
- หากเกิดจากการแพ้ จะรู้สึกคันตา แสบตา มีน้ำตาไหล
วิธีการป้องกัน
- ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- งดใช้ของร่วมกับผู้ป่วย
- หลีกเลี่ยงฝุ่นละออง หรือน้ำสกปรกเข้าตา
- หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำในระยะการระบาด
- หมั่นดูแลรักษาความสะอาด ล้างมือให้สะอาด
- เลี่ยงการเอามือไปสัมผัสดวงตาบ่อย ๆ
- ไม่อยู่ในพื้นที่แออัด เช่น รถสาธารณะ เป็นต้น
- หากจำเป็นควรสวมแว่นกันแดด กันฝุ่น กันลมช่วย
- ควรระวังไม่ให้แมลง หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตา
วิธีรักษา
- ควรพักผ่อน ลาหยุดงานจนกว่าจะหาย เพื่อลดการระบาดของโรค
- สามารถใช้น้ำตาเทียมช่วย
- หากมีอาการระคายเคืองตามาก ควรพบจักษุแพทย์เพื่อรักษาต่อไป
ข้อมูล : กรมการแพทย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง