ด่วน! สั่ง “เนตร นาคสุข” พ้นราชการ เซ่นสั่งไม่ฟ้อง “บอส กระทิงแดง”

คณะกรรมการมีมติเอกฉันท์ให้ "เนตร นาคสุข" อดีตรองอัยการสูงสุด ออกจากราชการ ฐานสั่งคดีไม่รอบคอบอย่างร้ายแรง กรณีสั่งไม่ฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" ซิ่งเฟอรารี่ชนตำรวจเสียชีวิต

จากกรณี เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทธุรกิจกระทิงแดง ขับรถยนต์ Ferrari พุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 47 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.ทองหล่อเสียชีวิต ก่อนจะขับรถหลบหนีเข้าบ้านหรูในซอยสุขุมวิท 53 จนเป็นข่าวโด่งดังและสังคมต่างให้ความสนใจในขณะนั้น

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแจ้งข้อหากับ บอส กระทิงแดง 5 ข้อหาด้วยกัน คือ 1.ขับรถขณะเมาสุรา, 2.ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด, 3.ขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินเสียหาย, 4.ขับรถชนแล้วไม่หยุดให้ความช่วยเหลือและไม่แจ้งเจ้าพนักงาน และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ต่อมาอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา จนทำให้สังคมเคลือบแคลงใจ

กระทั่งเมื่อวันที่ 21 กัยยายน 2564 คณะกรรมการอัยการ ทั้ง 9 เสียงมีมติเห็นควรสอบสวนวินัยร้ายเเรง นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้อง บอส กระทิงแดง ในข้อหาขับรถชนคนตาย โดยมี นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ คณะกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (18 พ.ค. 65) นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ เป็นประธาน การประชุมพิจารณาการลงมติผลสอบคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายเนตร นาคสุข กรณีสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ ส่วนขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ ซึ่งหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นจะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง

นายพชร เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ลงโทษ นายเนตร สั่งคดีใช้ดุลพินิจไม่รอบคอบอย่างร้ายแรง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการ พ.ศ.2553 ม.85 และ 87 ทำให้สำนักอัยการได้รับความเสียหาย จึงมีมติ 8 เสียง จากทั้ง 14 เสียงในที่ประชุมให้ปลด นายเนตร ออกจากราชการ แต่เนื่องจากประวัติการทำงานตลอด 40 ปี ไม่มีด้างพล้อย อีกทั้งการพิจารณาไม่มีเรื่องของเงินเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดี อีกทั้งเป็นอัยการที่มือสะอาดเป็นที่ยอมรับนับถือในวงการ จึงลดโทษให้เหลือแค่ให้ออกจากราชการ โดยให้มีผลตั้งแต่ที่ นายเนตร ยื่นใบลาออกจากราชการ แต่ยังคงสามารถรับเงินบำเหน็ด/บำนาญได้ตามปกติ

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการอัยการ ยังมีมติตั้งคณะกรรมการ 3 ท่าน จากสำนักอัยการขึ้นมาทำหน้าที่แทน 1 ใน 3 คือ นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส หลังเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ไขความเร็วรถของ บอส อยู่วิทยา ในสำนวนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ จาก 179 กม./ชม. มาเป็น 79 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่ไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด (80กม.) โดยให้ดำเนินสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับจากวันนี้เป็นต้นไป ถึงแม้ นายชัยณรงค์ จะยื่นใบลาออกจากราชการไปแล้วก็ตาม

 

ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 สำนักข่าว CNN รายงานว่า นายวรยุทธ รอดพ้นคดีต้องสงสัยขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแก่ความตาย เมื่อปี 2555 แล้ว เนื่องจากอัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา โดย พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผู้กำกับ สน.ทองหล่อ ชี้แจงกับ CNN ว่า เมื่อทราบจากอัยการว่า จะไม่สั่งฟ้อง จึงได้แจ้งไปทางนายวรยุทธ และได้ยกเลิกหมายจับแล้ว ซึ่งระบุข้อความว่า “อัยการสูงสุดตัดสินยกคำฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ส่วนคณะกรรมการตำรวจไม่คัดค้านการตัดสินใจนี้ และจะดำเนินการยกเลิกหมายจับต่อไป”

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน อันสืบเนื่องจากคดี บอส อยู่วิทยา จากคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิต

วันที่ 3 สิงหาคม 2563 นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีความเห็นเสนอที่ประชุมว่า นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุดผิดวินัยไม่ร้ายแรง เนื่องจากไม่พบการทุจริต แต่เป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ เห็นควรงดบำเหน็จหรือไม่เลื่อนขั้นเป็นระยะเวลา 2 ปี และไม่เสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นอัยการอาวุโส

อย่างไรก็ตาม สำหรับทั้ง 5 ข้อหาที่มีการสั่งไม่ฟ้องและขาดอายุความนั้น ประกอบด้วย คดีขับรถขณะเมาสุรา ตำรวจและอัยการสั่งไม่ฟ้องไปก่อนหน้านี้ ส่วนคดีขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย มีอายุความ 1 ปีนับจากวันเกิดเหตุ วันที่ 3 กันยายน 2555 ได้ขาดอายุความเมื่อปี 2556

สำหรับคดีขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ได้รับความเสียหาย และไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานในทันที ชนแล้วหนี มีอายุความ 5 ปี ได้ขาดอายุความไปเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2560 และคดีที่โทษหนักที่สุดคือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.291 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท อายุความ 15 ปี พนักงานอัยการมีหนังสือความเห็นสั่งไม่ฟ้องส่งมาให้ตำรวจช่วงเดือนมิถุนายน 2563 และตำรวจก็เห็นพ้องไม่ฟ้องตามพนักงานอัยการ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

นักท่องเที่ยวฮือฮา! ตะเกียงเจ้าพายุ รถจิ๊ปโบราณอายุ 82 ปี เคยผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2
ตร.ตามรวบถึงที่ หนุ่มปล่อย "ภาพลับ-คลิป" อดีตแฟนสาว หลังเลิกกัน ตามรังควานไม่หยุด
นทท.เริ่มเดินทางเข้าตราดลงเกาะช้าง เกาะกูดจำนวนมากแต่ยังไม่คึกคัก
"ผู้ต้องหาเยาวชน" หนีตำรวจ กระโดดลงคลองแสนแสบ จมน้ำดับสลด
สลด! หนูน้อย 6 ขวบ ลื่นตะไคร่หัวปักจมอ่างเก็บน้ำดับ แม่ร่ำไห้แทบขาดใจ พุ่งกอดศพลูกด้วยความอาลัย
ไม่มีละเว้น "ทบ." สั่งขังสิบเวร ปมลงโทษทหารเกินกว่าเหตุในหน่วยลพบุรี
เปิดผลสำรวจ ความสุขในฐานะทางการเงินของชีวิตคนไทย เพิ่มขึ้น
"ป้า" น้องปูอัด ฮีโร่รถบัสไฟไหม้ สุดงง "แม่" โผล่ทวงสิทธิ รับเงินเยียวยา 1.2 ล้าน ทั้งที่ไม่เคยเลี้ยงดู
ตร.ตามจับหนุ่มใหญ่ติดแบล็คลิสต์ สวมเลขบัตรปชช.คนอื่น ทำบัตรเครดิต หนีหนี้กว่าครึ่งล้าน
"อนุทิน" สละเงินเดือน มอบให้ อส.ช่วยน้ำท่วม พร้อมขอโทษชาวบ้าน ยอมรับว่าสถานการณ์ปีนี้หนัก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น