ไม่ต้องเถียงกัน “สกลธี-สุชัชวีร์-อัศวิน” เก่งทุกคน ชอบใคร ไปลงคะแนนเบอร์นั้น

ส่องโปรไฟล์ แคนดิเดทผู้ว่าฯ “สกลธี” จบ ป.โทกฎหมาย สหรัฐอเมริกา อดีตข้าราชการ dsi , “สุชัชวีร์” จบ ป.เอก ม.ระดับโลก MIT ดีกรี อธิการบดีเทคโนโลยี ลาดกระบัง , “อัศวิน” อดีตตำรวจมือปราบ กวาดล้างอาชกรรมยอดเยี่ยม เป็นที่ยอมรับคนประชาชน

การเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ครั้งนี้ นอกจากจะมีสีสันเจิดจรัสจากตัวตนของบรรดาผู้สมัครโปรไฟล์ดีมีชื่อเสียงในหลายแวดวง เสนอตัวมาลงประชันแข่งขันหวังชิงตำแหน่งพ่อเมืองหลวงคนใหม่แล้ว ….. สีสันที่สำคัญไม่น้อยไปกว่า นั้นก็คือเหล่ากองเชียร์ ของ 3  ตัวเต็ง จากฐานแฟนคลับรัฐบาลไทย หรือที่ฝ่ายตรงข้ามให้คำนิยามไว้อย่างเท่ๆ ว่า “สลิ่ม” พากันแตกขบวน แบ่งแยกออกเป็น 3 ส่วน ไม่ว่าจะเป็นกองเชียร์ของ “สกลธี ภัททิยกุล” หรือ “จั้ม”​หมายเลข 3 ผู้สมัครในนามอิสระ , กองเชียร์ของ “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” หรือ “เอ้” หมายเลข 4 และ “พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง”  หรือ วิน หมายเลข 6 ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ฝีไม้ลายมือความสามารถ “ไม่มีใครเป็นรองใคร”

ทีมข่าว Top News สรุปสั้นๆม้วนเดียวจบ กับโปรไฟล์รายละเอียดที่มาที่ไป ก่อนจะเตรียมสตาร์ท ลงสนามแข่งขันจริง ในวันที่ 22 พฤพาคม ​2565 ที่กำลังจะถึงนี้

เริ่มต้นจาก “สกลธี ภัททิยกุล” หรือ “จั้ม”​หมายเลข 3 จบป.โท กฎหมาย สหรัฐอเมริกา รับราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำ กปปส. ต่อต้านระบอบทักษิณ

จบการศึกษาในระดับมัธยมจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียลและโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยอินเดียน่าและ มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เคยรับราชการอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และได้รับการดึงตัวจากนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ให้ไปช่วยงานเป็นเลขานุการส่วนตัว

“สกลธี” เข้ารับราชการในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ต่อมาได้ทำหน้าที่เลขานุการของนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กระทั่งในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 สกลธี ได้ลาออกจากราชการเพื่อไปสมัครลงรับเลือกตั้งกับทางพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจากการเป็นบุตรชายของ พล.อ.วินัย เลขาธิการ คมช. จึงทำให้ถูกมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของ คมช. แต่ทั้งนายสกลธี พล.อ.วินัย และทางพรรคประชาธิปัตย์ได้ปฏิเสธเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง

ในการเลือกตั้งในปลายปี พ.ศ. 2550 สกลธี ลงสมัครในกรุงเทพมหานคร เขต 4 คือ เขตจตุจักร, บางซื่อ, หลักสี่ คู่กับนายบุญยอด สุขถิ่นไทย และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ซึ่งได้รับเลือกตั้งทั้ง 3 คน ต่อมาการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2554 สกลธี ได้ลงสมัครในกรุงเทพมหานคร เขต 11 คือ เขตหลักสี่ โดยมีคู่แข่งคือ นายสุรชาติ เทียนทอง บุตรชายของนายเสนาะ เทียนทอง ผลปรากฏว่า ไม่ได้รับการเลือกตั้ง

ในปี พ.ศ. 2561 ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตามคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ 1215/2561 ลงนามโดย พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง สืบต่อจาก พลตำรวจเอกชินทัต มีศุข ซึ่งย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2561

ในวันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 เขาได้ไปร่วมงานเปิดตัว พรรคพลังประชารัฐ กระทั่งวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐ ประจำปี 2562 ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ สกลธีได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค แต่เขาได้ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐในเวลาต่อมา

ในวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 สกลธีถือเป็นแนวร่วมคนสำคัญคนหนึ่งของกปปส. ร่วมกับคนอายุคราวเดียวกัน คือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายชุมพล จุลใส และ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” หรือ “เอ้” หมายเลข 4 “เก่งหัวกะทิ จบปริญญาเอกสหรัฐอเมริกา นักเรียนทุนช้างเผือก อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)”

“พี่เอ้ สุชัชวีร์” ได้รับทุนโควตาช้างเผือกเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จากนั้นได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท M.Sc. ในสาขา Geotechnical Engineering จากมหาวิทยาลัยวิลคอนซิน แมดิสัน ปริญญาโท M.Sc. ในสาขา Technology and Policy และระดับปริญญาเอก Sc.D. ในสาขา Geotechnical Engineering จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกา

สุชัชวีร์ เคยดำรงตำแหน่งอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นายกสภาวิศวกร และประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า ในปี 2563 เขามีชื่อเป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 7 บริษัท ในจำนวนนี้ มี 3 บริษัทที่มีรายได้ไม่เกิน 300 บาทในปีนั้น

ต่อมา ในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2564 สุชัชวีร์ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนักเรียนทุนรัฐบาลไทย นอกจากนี้ สุชัชวีร์ได้รับฉายา “The Disruptor เมืองไทย” ในฐานะเป็นผู้พลิกฟื้น สจล. ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดี สู่องค์กรระดับนานาชาติ ปรับโครงสร้างการบริหารการศึกษาที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนา ปัญหาการเสียดุลทางการแพทย์และเทคโนโลยี ฯลฯ สู่สถาบันอุดมศึกษาชั้นนำแห่งหนึ่งของไทย

ในช่วงที่สุชัชวีร์ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สจล. กับมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน และมีการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ ทำให้ สจล. กลายเป็นมหาวิทยาลัยแห่งที่ 22 ของไทยที่มีคณะแพทยศาสตร์

 

 

“พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง” หรือ “วิน” หมายเลข 6 “อดีตตำรวจ มือปราบดุดัน ปิดจ๊อบทุกคดียาก กวาดล้างอาชกรรมยอดเยี่ยม ผลโพล ระบุ ประชาชนชื่นชอบ บรรเทาเหตุอาชญากรรมดีเยี่ยม”

“พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง” จบการศึกษาจากระดับชั้น มศ.3 จากโรงเรียนด่านช้างวิทยา, โรงเรียนตำรวจภูธรภาค 7, โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 30 (นรต.30) ได้ชื่อว่าเป็นนายตำรวจมือปราบฝีมือดีคนหนึ่ง เคยผ่านคดีสำคัญ ๆ ระดับชาติมาแล้วหลายคดี อาทิ คดีสังหารนายศุภฤกษ์ เรือนใจมั่น (โจ ด่านช้าง), คดีคาร์บอมบ์รถอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร, คดีจับกุมนายประชา โพธิพิพิธ (กำนันเซี๊ยะ), คดีจับกุมนายนพพล ประสงค์ศิล (จิ๊บ ไผ่เขียว) และคดีวิสามัญฆาตกรรมนายชาญชัย ประสงค์ศิล (โจ๊ก ไผ่เขียว) เป็นต้น

ในกลางปี พ.ศ. 2551 เมื่ออัศวินดำรงยศ พลตำรวจโท (พล.ต.ท.) ได้ถูกปรับย้ายจากตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล” ไปเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อมาในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลางปี พ.ศ. 2552 ท้ายที่สุดในเดือน ตุลาคม ปีเดียวกัน เขาก็ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นพลตำรวจเอก และรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรักษาราชการการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ก่อนย้ายจากตำแหน่งนั้น มาดำรงตำแหน่งรักษาราชการการผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553

ซึ่งในปลายปีเดียวกันได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่า “อัศวินปิดจ๊อบ” เนื่องจากมีผลการทำงานที่ดุดัน รวดเร็ว และ “มือปราบไผ่เขียว”และยังได้รับผลโหวตจากการสำรวจความคิดเห็นจากเอแบคโพลด้วยว่า เป็นนายตำรวจที่เป็นตำรวจมือปราบที่ประชาชนรู้สึกชื่นชอบและบรรเทาเหตุอาชญากรรมได้มากที่สุด

ภายหลังอัศวินเกษียณอายุราชการ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร) ดูแลงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเทศกิจ จนมาถึงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจากการได้รับการแต่งตั้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นับว่าเป็นตำรวจคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้ ในปี พ.ศ. 2553 ได้รับการคัดเลือกให้รับรางวัลและประกาศเกียรติคุณ พ่อตัวอย่างแห่งชาติ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี "เชน ธนา-ภรรยา" ถูกกล่าวหาฉ้อโกง 29 พ.ย.นี้
“ลุงป้อม” ปัดตอบปม “สิระ” อ้างคนในป่าต่อสายช่วย “สามารถ”
"ทนายพจน์" ยื่นหนังสือสำนักพุทธฯ จี้คณะสงฆ์แจ้ง "พระปีนเสา" สละสมณเพศ หลังถูกขับพ้นวัดวังกวาง
ตร.นำกำลังทลายแคมป์ "แรงงานต่างด้าวเถื่อน" นับร้อย ย่านหนองใหญ่-ชลบุรี เตรียมผลักดันออกนอกประเทศ
‘โฆษก ทบ.’ แจง ‘เจ้ากรมยุทธฯ’ ทำร้ายทหาร เหลือสอบพยาน 2-3 ราย ทำได้แค่ตักเตือน ส่วนคดีอาญา เจ้าทุกข์ต้องดำเนินการ
"อ.ปานเทพ"กางเอกสาร JC2544 อ้างไทย-กัมพูชา เคยรับรอง MOU 44 เป็นสนธิสัญญา
"ดร.ศิลปฯ" อดีตผู้สมัคร สส.เพื่อไทย รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนทวีธาภิเศก ปี 67 ปักธงสนับสนุนด้านกีฬากับเยาวชน
"แม่บ้าน" ส่อชวดรับมรดก 100 ล้าน หลัง "แหม่มฝรั่งเศส" ยกมรดก 100 ล้าน ให้ก่อนจบชีวิต
ตร.ปคบ.บุกทลายโรงงานเครื่องสำอางเถื่อน ลอบผลิต-ส่งขายทั่วภาคอีสาน ยึดของกลางกว่า 4 หมื่นชิ้น
ชาวบ้าน 2 ตำบลเฮ ขอบคุณป่าไม้ที่อนุญาติให้ อบต.สร้างถนนลัดไปอำเภอ หลัง สว.สุรินทร์ หารือในการประชุมวุฒิสภาช่วยแก้ปัญหาชาวบ้าน เป็นของขวัญปีใหม่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น