ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2565 หลังจากมีฝนตกต่อเนื่องนานหลายวันติดต่อกัน ส่งผลทำให้แปลงนาในพื้นที่ลุ่มถูกน้ำท่วมขัง เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิที่ชาวนาหว่านไว้เมื่อหลายวันก่อนจมแช่อยู่แปลงนา ชาวนาจำเป็นต้องเร่งสูบน้ำออกอย่างเร่งด่วนทั้งวันทั้งคืน เพื่อให้น้ำแห้งให้ไวที่สุด เผื่อจะเหลือเมล็ดพันธุ์ที่ยังพองอกออกมาบ้าง และหากเมล็ดพันธุ์เน่าแล้วก็จะต้องหามาหว่านใหม่ เพื่อหวังจะได้ทุนที่ลงไปแล้วกลับคืนมาบ้าง ขณะที่บ้างรายเริ่มท้อใจกับการทำนาปีนี้ ทั้งต้นทุนที่สูงและสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ
ขณะที่นายฮวม พิมพ์งาม อายุ 65 ปี ชาวบ้านตะวัน ม.8 ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้ทำนาอยู่ด้านหลังหมู่บ้านจะแกโกน ม.16 ต.สลัก ก็ได้นำรถไถนามาติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เร่งสูบน้ำออกจากแปลงนาตลอดทั้งวันทั้งคืน เป็นเวลาหลายวันมาแล้ว โดยนายฮวม บอกว่า ตนทำนาอยู่ 30 ไร่ เพิ่งหว่านข้าวไปเมื่อหลายวันก่อน ก็ถูกน้ำฝนที่ตกลงมาท่วมแปลงนา ข้าวที่หว่านไว้จมแช่อยู่ในน้ำ สงสัยจะเน่าหมดแล้วตอนนี้ สูบออกสองรอบแล้วทั้งวันทั้งคืนพอจะแห้งฝนก็ตกลงมาอีก น้ำมันช่วงนี้ก็แพงเมื่อก่อนหนึ่งร้อยบาทสูบได้ทั้งคืน ตอนนี้สองร้อยบาทสูบยังไม่ถึงคืนหนึ่งเลย รอดูถ้าเมล็ดข้าวเน่าก็ต้องลงทุนหว่านใหม่อีก ตอนนี้นาข้างๆก็ให้ตนช่วยสูบน้ำออกด้วย คิดชั่วโมงละ 120 บาท ก็อยากจะให้ข้าวมีราคาแพงขึ้น ชาวนาจะได้อยู่รอดกันบ้าง ลงทุนทำนาปีนี้หมดเยอะจริงๆ
ด้านนายหัด กำลังมา อายุ 73 ปี เกษตรกรชาวบ้าน ตรม ม. 7 ต .นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งก็ได้เช่าทำนาอยู่ด้านหลังหมู่บ้านการเคหะ ต.สลักได อ.เมือง และได้ว่าจ้างรถไถและคนหว่านข้าวลงมือหว่านข้าวไปเมื่อหลายวันก่อน ก็ได้นำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งสูบน้ำออกจากแปลงนาด้วยเช่นกัน โดยนายหัด บอกว่า ข้าวที่หว่านไว้น่าจะคงเหลืออยู่บ้าง คงไม่เน่าเสียทั้งหมด สูบไปแห้งไปรอบหนึ่งแล้วก็มาเจอฝนตกลงมาอีก เลยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาอีก หากปล่อยให้เมล็ดข้าวแช่น้ำนานก็เน่าเสียหมด ปีนี้ลงทุนเยอะมากกับการทำนา หมดจะเกือบแสนแล้วตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะสู้ต่อหรือไม่สู้ต่อ หากลงทุนอีกรอบที่สองแล้วยังเป็นแบบนี้อยู่ก็คงต้องยอมถอย ดีกว่าจะเอาเงินมาจมไว้ตรงนี้.
ภาพ/ข่าว กฤษดากร กีรติธำรงค์เจริญ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์