นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า เปิดหน้าสู้กันชัดๆไปเลย ไม่ต้องเหนียมอาย ขอเชิญชวน ฝ่ายสนับสนุนระบอบทักษิณ เลือกเบอร์1 ฝ่ายไม่เอาระบอบทักษิณ เลือกเบอร์4 การหาเสียงผู้ว่าฯกทม.เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ผู้สมัครแต่ละคนก็งัดไม้เด็ดมาสู้กัน แบบทิ้งทวน เห็นภาพความเคลื่อนไหวของคนดัง ที่มีชื่อเสียง ทั้งดารา ศิลปิน หรือบิ๊กเนม ประกาศตัวมาสนับสนุนหรือเป็นแบคอัพให้ผู้สมัครแต่ละคน มีการโชว์ความพร้อม ปลุกมวลชน และเสียงสนับสนุนอย่างเต็มที่ หวังผลทางจิตวิทยา เพื่อให้คนกรุงเทพฯมั่นใจว่า ตัวเองคือผู้มีสิทธิ์ชนะในการเลือกตั้ง หลังจากไม่มีการทำโพลในโค้งสุดท้าย
เทพไท เอาแบบนี้! ฝ่ายสนับสนุนทักษิณให้เลือกเบอร์ 1-ฝ่ายต้านทักษิณเลือกเบอร์ 4 ลั่นเปิดหน้าสู้ให้ชัดไม่ต้องอาย
ข่าวที่น่าสนใจ
จึงทำให้ผู้สมัครทุกคนต่างคาดหวังว่า คะแนนจะพลิกโผในโค้งสุดท้ายนี้ได้จริงๆ ยิ่งช่วงนี้มีฝนตกหนักน้ำท่วมหลายพื้นที่ ผู้สมัครหลายคนก็ลงลุยน้ำในพื้นที่นำ้ท่วม และเสนอวิธีการแก้ปัญหาน้ำท่วมเพื่อเรียกคะแนนนิยมในทันที เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์นำ้ท่วม รวมถึงกระแสการเลือกผู้สมัครแบบเป็นทีม หรือแบบ package มีการขานรับมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ผู้สมัครอิสระบางคน เปิดตัวผู้สมัคร ส.ก. สนับสนุนในโค้งสุดท้าย ในขณะที่ผู้สมัครบางคนสมัครอิสระ และพรรคบางพรรคส่งสมัครเฉพาะ ส.ก. ก็ต้องออกมาแก้ตัว อธิบายเป็นพัลวันถึงวิธีการทำงาน และมีการแอบจับมือกันแบบลับๆ เพื่อช่วยกันหาเสียงรตามที่เป็นข่าวกันอยู่
ส่วนตัวไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนให้กับใคร แต่ในฐานะที่เป็นนักการเมืองคนหนึ่ง ก็จะแสดงความเห็นและจุดยืนของตัวเอง เพื่อให้สังคมได้รับทราบว่ามีความคิดอย่างไรกับการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพในครั้งนี้ สมมุติว่าถ้าผมเป็นคนที่อยู่ในฝ่ายไม่เอาระบอบทักษิณ ผมจะตัดสินใจเลือกเบอร์ 4 พี่เอ้ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เพื่อให้ได้คะแนนเป็นที่หนึ่งในฝ่ายนี้ ไปแข่งขันกับผู้สมัครอีกขั้วหนึ่ง ในขณะเดียวกัน ถ้าสมมุติว่าผมเป็นคนที่อยู่ในฝ่ายระบอบทักษิณ เมื่อพรรคเพื่อไทยของคุณทักษิณไม่ส่งผู้สมัคร ผมก็จะเลือกเบอร์ 1 คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เพื่อให้ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง สามารถเอาชนะผู้สมัครอีกขั้วหนึ่งเช่นกัน
ถ้าถามว่าทำไมผมจึงเลือก พี่เอ้ ดร.สุชัชวีร์สุวรรณสวัสดิ์ กับคุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ก็จะขออธิบายเหตุผลประกอบการตัดสินใจในครั้งนี้ว่า
1.เป็นผู้ลงสมัครสังกัดพรรคการเมือง ซึ่งเป็นความชัดเจนในระบอบประชาธิปไตย ที่นักการเมืองทุกคนต้องมีพรรคสังกัด
2.การทำงานในฐานะตัวแทนพรรคการเมือง จะมีเกียรติภูมิของพรรค เป็นผู้รับผิดชอบ และการันตีผลงาน ความซื่อสัตย์สุจริต ในขณะที่ปฎิบัติหน้าที่ผู้ว่าฯกทม.ด้วย
3.เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ ที่ส่งผู้สมัคร ส.ก.ครบทุกเขต ซึ่งถือว่าเป็นการมีความพร้อม ตามโครงสร้างของการบริหารงาน กทม. ที่มีผู้ว่าฯเป็นฝ่ายบริหารและมี ส.ก.เป็นฝ่ายนิติบัญญัติคอยตรวจสอบและสนับสนุน
4.มีความกล้าหาญ ที่จะประกาศจุดยืนของตัวเองว่า สังกัดพรรคการเมืองใด อยู่ฝ่ายใด ไม่ใช่ทำตัวเป็นอีแอบ พูดแบบโลกสวยว่า เป็นผู้ว่าฯกทม.อิสระ สามารถทำงานร่วมกับใครก็ได้ ประสานงานได้ทุกฝ่าย ซึ่งในโลกความเป็นจริงการเมืองต้องสังกัดพรรค ต้องเลือกข้าง ต้องเลือกฝ่ายอย่างปฎิเสธไม่ได้
5.เป็นผู้สมัครที่มีคะแนนนิยมสูงในแต่ละขั้วการเมือง มากพอที่จะทำให้การลงคะแนนแบบมียุทธศาสตร์ เทคะแนนให้จนได้รับชัยชนะได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-