"ฝีดาษลิง" หมอยง ยันไม่เคยพบเชื้อนี้ในไทย อย่าเพิ่งตื่นตระหนก เผยติดจากคนสู่คนได้ต้องสัมผัสใกล้ชิด ซึ่งการเฝ้าระวังเป็นสิ่งจำเป็น
ข่าวที่น่าสนใจ
“ฝีดาษลิง” ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan โดยระบุว่า การเรียกชื่อ ฝีดาษวานร อยากให้เป็นเกียรติ และระลึกถึงท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ผู้ตั้งชื่อโรคนี้ในประเทศไทย
ฝีดาษวานรไม่ใช่โรคใหม่ พบครั้งแรกในลิงปี 2501 และพบในคนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ในแอฟริกา ตอนกลาง และแอฟริกาตะวันตก ฝีดาษวานร คล้ายกับโรคฝีดาษในมนุษย์ แต่ความรุนแรงและการแพร่ระบาดได้น้อยกว่าฝีดาษมาก การติดต่อทราบกันดีว่า คนจะติดมาจากสัตว์ เช่น ลิง สัตว์ตระกูลฟันแทะ กลุ่มหนูในแอฟริกาและกระรอก แหล่งระบาดจะอยู่ในแอฟริกาตะวันตก และแอฟริกากลาง การพบนอกแอฟริกา ส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางมาจากแอฟริกา และหรือสัมผัสกับสัตว์ที่นำมาจากแอฟริกา
ศ.นพ.ยง กล่าวว่า การติดต่อระหว่างคนสู่คนเป็นไปได้ แต่ต้องสัมผัสอย่างใกล้ชิด เช่น
- สัมผัสกับน้ำใส ตุ่มหนองหรือสารคัดหลั่ง
- ใช้เสื้อผ้าร่วมกัน
- นอนเตียงเดียวกัน
- การเลี้ยงสัตว์ต่างถิ่นที่เป็นพาหะโรคนี้อยู่
ในอดีตที่ผ่านมา ยังไม่พบการระบาดใหญ่ พบเป็นกลุ่มในแอฟริกา และพบเป็นรายรายในยุโรปและอเมริกา เคยมีรายงานผู้ป่วยในสิงคโปร์และอังกฤษครั้งนี้ มีการตั้งข้อสงสัยการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ยังต้องรอการยืนยัน เชื้อไวรัสเป็นกลุ่มเดียวกับโรคฝีดาษ จึงเชื่อว่าวัคซีนป้องกันฝีดาษ น่าจะป้องกันโรคนี้ได้ คงต้องรอการพิสูจน์
การปลูกฝี มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝีดาษสูงมาก จึงทำให้โรคฝีดาษหมดไป และประเทศไทยเลิกปลูกฝีตั้งแต่ปีพ.ศ. 2517 ใครที่เกิดก่อนปี 2517 จะมีแผลเป็นจากการปลูกฝี ผมเองก็มี ฝีดาษวานร ไม่เคยพบในประเทศไทย ไม่มีอะไรต้องตื่นตระหนก การติดต่อแพร่กระจายต้องสัมผัสอย่างใกล้ชิด การเฝ้าระวังเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากแอฟริกาตะวันตก และแอฟริกากลาง รวมทั้งการนำสัตว์ต่างถิ่นเข้าสู่ประเทศไทย
ข้อมูล : Yong Poovorawan
ข่าวที่เกี่ยวข้อง