ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2565 จากกรณีที่มีสมาชิกเฟสบุ๊ค ใช้นามว่า ศักดิ์สิทธิ์ ปราบเสียง ได้โพสต์คลิปวีดีโอภาพเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คนนำรถปิคอัพยี่ห้อโตโยต้าสีบรอนซ์ทอง ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม มีกรงหมูหลายอันอยู่กระบะท้ายรถมาตระเวนหาซื้อหมูตามหมู่บ้าน เมื่อตกลงซื้อขายหมูแล้ว เมื่อนำเอาหมูมาใส่กรงชั่งเพื่อชั่งน้ำหนักหมู แต่ปรากฏว่า เจ้าของหมูเกิดความสงสัยเนื่องจากว่า หมูซึ่งตัวใหญ่มาก จำนวน 2 ตัว น้ำหนักชั่งได้เพียง 118 กก.เท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ขายหมูไป 1 ตัวขนาดเล็กกว่านี้ แต่น้ำหนักชั่งได้มากถึง 97 กก. จึงได้ขอตรวจสอบเครื่องชั่ง แต่ปรากฏว่า คนร้ายไม่ยอมให้ตรวจตาชั่ง และได้ใช้ลำตัวกันตัวของเจ้าของหมูออกไป แต่ว่าเจ้าของหมูได้พยายามเข้าไปดูตาชั่งและพบว่า คนร้ายได้ดึงเอาไม้ที่รองตาชั่งเอาไว้เพื่อโกงน้ำหนักชั่งหมูออกไป เจ้าของหมูจึงไม่ยอมขายและได้ร้องโวยวายขึ้น โดยมีลูกสาวเจ้าของหมูถ่ายคลิปวีดีโอกลุ่มคนร้ายเอาไว้ได้ ซึ่งคนร้ายได้มาถอดป้ายทะเบียนปลอมหน้ารถออกไป จากนั้น คนร้ายได้ปล่อยหมูออกจากกรง แล้วรีบพากันขึ้นรถ เจ้าของหมูได้เอาท่อนไม้มาขวางทางเอาไว้ คนร้ายได้ขับรถชนท่อนไม้หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เหตุเกิดที่คอกหมู บ้านเลขที่ 7 หมู่ 3 บ้านคลองแก้ว ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา
เพื่อเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่คอกหมู บ้านเลขที่ 7 หมู่ 3 บ้านคลองแก้ว ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบ นายบรรจง ปราบเสียง อายุ 46 ปี เจ้าของคอกหมู ที่หวิดโดนขโมยหมูไปทั้งคอก ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนได้ออกไปจากบ้านเพื่อที่จะไปช่วยหลานชายตัดต้นมัน แต่ปรากฏว่า ได้ลืมหมวกเอาไว้ จึงได้ขับรถ จยย.กลับมาที่คอกหมู และได้พบชาย 2 คนกำลังยืนอยู่หน้าคอกหมูของตน โดยข้างคอกหมูมีรถยนต์ปิคอัพจอดติดเครื่องยนต์เอาไว้ หันหัวรถออกไปทางถนนเข้าบ้านของตน เมื่อทั้ง 2 คน มองเห็นตนและทราบว่าเป็นเจ้าของหมู จึงได้ติดต่อขอซื้อหมู ตนจึงได้บอกขายหมู จำนวน 8 ตัวจากที่มีหมูอยู่จำนวนทั้งสิ้น 11 ตัว ซึ่งคนร้ายได้ไปบอกให้ชายฉกรรจ์อีก 3 คนที่นั่งในรถลงมาช่วยกันจับหมูเข้ากรงเหล็กจับหมูที่เตรียมมา โดยชายตัวอ้วนใหญ่ท่าทางเป็นหัวหน้าได้บอกกับตนว่า พวก 3 คนเมาเหล้าจึงให้นั่งในรถ แต่พอชาย 3 คนลงมาจับหมูไม่ได้มีท่าทางของคนเมาเหล้าแต่อย่างใด และได้พากันจับหมูอย่างรวดเร็วมาก กรง 1 อันจับหมูใส่เข้าไปถึง 2 ตัว พอชั่งน้ำหนักกรงหมูตัวแรก ได้น้ำหนักหมูรวมประมาณ 115 กก. ต่อมาพอชั่งกรงที่ 2 ที่มีหมูตัวใหญ่อยู่ 2 ตัว ปรากฏว่า หมูตัวใหญ่ 2 ตัวมีน้ำหนักเพียง 118 กก.เท่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตนขายหมูไป 1 ตัว ขนาดตัวเล็กกว่านี้ยังมีน้ำหนักหมูมากถึง 97 กก. ทำให้ตนสงสัยมาก จึงให้หยุดชั่งกรงหมูต่อ และจะเข้าไปตรวจสอบตาชั่ง แต่คนตัวใหญ่เสื้อสีแดงไม่ยอมให้ตรวจสอบและผลักตนออกมา
นายบรรจง ปราบเสียง อายุ 46 ปี เจ้าของคอกหมูเล่าต่อไปว่า ตนจึงได้พยายามเข้าไปดูตาชั่งและพบว่า ชายรูปร่างใหญ่ได้ดึงเอาไม้ออกจากใต้ตาชั่งที่รองเอาไว้เพื่อโกงตาชั่ง ตนจึงได้ร้องโวยวายขึ้นและให้ลูกสาวที่มาดูด้วยถ่ายคลิปเอาไว้ กลุ่มคนร้ายได้พากันต่อรองขอชั่งน้ำหนักเพื่อซื้อหมูต่อไป แต่ว่าตนเสียความรู้สึกแล้ว จึงไม่ยอมขายและได้นำเอารถ จยย.ของตนมาขวางหน้ารถคนร้ายเอาไว้เพื่อจะแจ้ง ตร.ให้มาจับกุม ซึ่งคนร้ายได้พากันปล่อยหมูของตนออกจากกรงและมีชายคนหนึ่งได้ไปถอดเอาป้ายทะเบียนรถปิคอัพของคนร้ายออก ซึ่งป้ายทะเบียนมีการนำเอาคลิปดำหนีบป้ายทะเบียนเอาไว้ จากนั้น ตนร้ายได้พากันขึ้นรถ ตนจึงได้รีบวิ่งไปทางออกจากบ้านและได้นำเอาท่อนไม้มาวางขวางเอาไว้ แต่ว่าคนร้ายได้ขับรถชนท่อนไม้หลบหนีไปได้ ซึ่งหากว่า ตนกลับมาไม่ทัน อาจจะโดนคนร้ายขโมยเอาหมูไปเกลี้ยงคอกก็ได้
ด้านลูกสาว วัย 19 ปี ซึ่งเป็นผู้ถ่ายคลิปเอาไว้ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนได้มาดูพ่อขายหมู และได้ถ่ายคลิปวีดีโอเล่น แต่ว่า ได้เกิดเหตุการณ์โกงตาชั่ง พ่อได้ตะโกนบอกให้ตนถ่ายคลิปเอาไว้ และร้องเรียกให้ญาติพี่น้องมาช่วยกันจับคนร้าย โดยตนสามารถถ่ายภาพทะเบียนรถเอาไว้ได้ ซึ่งคนร้ายได้ขับรถชนท่อนไม้ที่พ่อของตนนำเอามาขวางทางไว้หลบหนีไปได้ ส่วนป้ายทะเบียนรถปิคอัพคนร้าย ตนได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นป้ายทะเบียนรถปลอม ซึ่งการที่ตนได้โพสต์ภาพลงไปในเฟสบุ๊ค เพื่อต้องการเตือนภัยไม่อยากให้ชาวบ้านคนอื่นมาเจอกับเหตุการณ์โกงตาชั่งซื่อหมูเหมือนกับที่ครอบครัวของตนพบเจออยู่ในขณะนี้.
ภาพ / ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ