"ฝีดาษลิง" ข้อควรรู้ ชื่อโรคไม่ยุติธรรม จะแยกความแตกต่างกับโรคสุกใสได้อย่างไร และเป็นที่น่าสังเกต ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดเพศชาย
ข่าวที่น่าสนใจ
หมอยง ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ ข้อควรรู้ “ฝีดาษลิง” ระบุ โรคนี้วินิจฉัยครั้งแรกพบในลิง จึงเรียกว่า ฝีดาษ ลิง (Monkeypox) ผู้ป่วยในมนุษย์ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดไม่ได้ติดจากลิง เคยมีหลักฐานการติดต่อจากสัตว์ตระกูลฟันแทะ จำพวกหนู กระรอก เช่น หนูแกมเบีย (Giant Gambian rat) ที่นำเข้าไปในอเมริกา และมีการติดต่อไปสู่ แพรรีด็อก และคนติดมาอีกทีหนึ่ง
“การเรียก ฝีดาษ ลิง จึงไม่ยุติธรรมสำหรับลิง เพราะคนเราจะรังเกียจลิง ลิงที่อยู่ตามวัด ในบ้านเรามีมาก จะขาดแคลนอาหาร เป็นที่เดือดร้อนของชาวลิงอย่างแน่นอน”
หมอยง ระบุอีกว่า โรคในตระกูลฝีดาษหรือไข้ทรพิษ สมัยก่อนมี ฝีดาษวัว ที่ข้ามมายังมนุษย์ได้ และนำมาใช้ทำวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ ทำให้โรคนี้หมดไป เพราะการติด ฝีดาษวัว จะเป็นตุ่มหนองเฉพาะตรงที่สัมผัสเท่านั้น หรือเรียกว่าขึ้นเฉพาะที่ ส่วน ฝีดาษนก หรือ ไก่ ยังไม่มีหลักฐานการข้ามมายังมนุษย์
“ลักษณะตุ่มฝีดาษหรือไข้ทรพิษ หรือในตระกูลฝีดาษ ตุ่มหนองจะเริ่มจากรอยแดงแล้วเป็นน้ำใสและเปลี่ยนเป็นน้ำขุ่นข้น สีขาวเหลือง ตรงกลางจะมีรอยบุ๋ม ซึ่งต่างกับ โรคสุกใส ที่เกิดจากไวรัสต่างกลุ่มกันจะเป็นน้ำใส”
ข้อแตกต่าง ที่ชัดเจนกับ โรคสุกใส ที่สมัยผมเป็นนักเรียนต้องท่องได้ มี
- ตุ่มของฝีดาษ จะขึ้นพร้อมกันระยะเดียว เหมือนกัน เริ่มจากแดงเป็นตุ่มน้ำและตกสะเก็ดพร้อม ๆ กัน แต่ของสุกใสจะมีหลายระยะ เช่น บางตุ่มเป็นแค่ตุ่มแดง บางตุ่มเป็นน้ำใสแล้ว
- การกักตัวผู้ป่วยจึงต้องกักตัวให้แผลทุกแผลตกสะเก็ดหมด จึงจะพ้นระยะติดต่อ สำหรับผู้สัมผัสโรคจะต้องกักตัวดูอาการ 21 วัน ตามระยะพักตัวที่มากที่สุด
- บริเวณที่ขึ้นตุ่มของสุกใส จะขึ้นบริเวณลำตัวมากกว่า ส่วนของฝีดาษจะขึ้นมากที่แขนขาแล้วค่อยไปลำตัว
- ลักษณะของตุ่มฝีดาษจะบุ๋มตรงกลาง ที่เรียกว่า umbilicated vesicle ส่วนของสุกใสจะเป็นตุ่มน้ำใสหลายระยะ
“เป็นที่น่าสังเกตว่า ฝี ดาษ ลิง ที่กำลังระบาดและพบอยู่ขณะนี้ พบในเพศชายเกือบทั้งหมด ฝีดาษวัวป้องกันฝีดาษหรือไข้ทรพิษ โดยหลักการแล้วก็น่าจะข้ามมาป้องกัน ฝี ดาษ ลิง ได้ แต่ขณะนี้ก็มีการพัฒนาวัคซีนฝีดาษเด็กโดยตรง” หมอยง ระบุทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง