ลุ้นรมว.คลัง ถกผลสอบท่อส่งน้ำ EEC “ธนารักษ์” เสี่ยงค่าโง่ไม่รอศาลพิพากษา

ลุ้นรมว.คลัง ถกผลสอบท่อส่งน้ำ EEC "ธนารักษ์" เสี่ยงค่าโง่ไม่รอศาลพิพากษา

ยังคงต้องรอบทสรุป สำหรับการ “ประมูลโครงการท่อส่งน้ำ EEC” มูลค่ากว่า 2.5 หมื่นล้านบาท หลังจากเมื่อวันที่ 9 พ.ค.2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ลงนามคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 883/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก และมีการรายงานผลการดำเนินการให้กระทรวงการคลังทราบ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สั่งการให้ชะลอการเซ็นสัญญาเพื่อดำเนินการตรวจสอบความถูกต้อง และป้องกันเหตุที่อาจทำให้ประเทศเสียค่าโง่ เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง

ซึ่งการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดดังกล่าวนั้น หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า เหมาะสมหรือไม่ที่ตั้งคนในกระทรวงการคลัง ตรวจสอบกันเอง อีกทั้งยังปรากฎรายชื่อข้าราชการกรมธนารักษ์ ร่วมในคณะกรรมการฯ ด้วย

และเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 65 นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎ ก็ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เสนอให้คัดเลือกเอกชนโครงการท่อส่งน้ำอีอีซีใหม่ ด้วยวิธีการประมูล เพื่อความโปร่งใส เปิดกว้าง ตรวจสอบได้ เหตุที่ผ่านมาทำทีโออาร์ไม่สมบูรณ์

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุด วันที่ 23 พ.ค.65 นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงเรื่องกรณีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีการส่งรายงานทั้งหมดให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิจารณาเรียบร้อยแล้ว

ขั้นตอนต่อจากนี้ อยู่ระหว่างการรอคำสั่งจาก นายอาคม ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป หากรมว.คลัง พิจารณาแล้วเห็นชอบให้ดำเนินการต่อ กรมธนารักษ์ก็จะดำเนินการตามคำสั่งของรัฐมนตรี

นายประภาศ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญของการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าว คือ
– ดูขั้นตอนการประมูลและการคัดเลือกผู้ชนะการประมูลว่า ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

– มีประเด็นรองที่คณะกรรมการฯ ต้องตรวจสอบเบื้องต้น คือ เรื่องการเสียภาษีของผู้รับสัมปทานรายเดิม คือ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) EASTW หรือ อีสท์ วอเตอร์ ว่าการได้รับรายได้จากการส่งน้ำที่ผ่านมา มีการเสียภาษีที่ถูกต้องหรือไม่

ส่วนสาเหตุที่คณะกรรมการฯ ต้องสอบประเด็นเรื่องภาษีด้วย เนื่องจากก่อนตั้งคณะกรรมการฯ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งหนังสือมายังกรมธนารักษ์ เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม หลังจากที่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียน ว่า บริษัท อีสท์ วอเตอร์ อาจมีการนำส่งรายได้ให้กรมธนารักษ์ไม่ถูกต้อง และอาจมีการหลีกเลี่ยงภาษีอากร จึงได้ให้อำนาจคณะกรรมการชุดนี้ตรวจสอบเรื่องนี้รวมถึงได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นแล้ว

อย่างไรก็ตาม นายประภาศ กล่าวว่า ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเป็นเรื่องเชิงลึก ซึ่งการจะตรวจสอบให้เกิดความกระจ่างอย่างแท้จริง ต้องเป็นหน้าที่ของดีเอสไอที่จะร่วมมือกับกรมสรรพากร ในการดำเนินการตรวจสอบต่อไป เบื้องต้นทราบว่าทั้ง 2 หน่วยงาน กำลังดำเนินการตรวจสอบประเด็นดังกล่าวอยู่

 

ทั้งนี้ นายประภาศ ยังคงยืนยันว่า การประมูลครั้งนี้ถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน และมีความโปร่งใส รวมทั้งก็ยังมีการตรวจสอบจากองค์กรภายนอก ทั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อยู่ด้วย

ส่วนการเซ็นสัญญากับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด หรือไม่นั้น นายประภาศ ยืนยัน จะต้องรอคำสั่งจาก รัฐมนตรีว่าการกระทรงงการคลัง ว่ามีความเห็นอย่างไร หากไม่มีคำสั่งให้ตรวจสอบอะไรเพิ่มเติม ก็ให้เป็นหน้าที่ของกรมธนารักษ์ในการเดินหน้าเซ็นสัญญาต่อไป เพราะหากไม่ดำเนินการก็จะกลายเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากการประมูลดำเนินการอย่างถูกต้อง

ส่วนเหตุผลที่จะไม่เซ็นสัญญากับบริษัท วงศ์สยามก่อสร้าง นายประภาศ กล่าวว่า มีเพียง 2 เรื่องเท่านั้น คือ
1. คำพิพากษาของศาลฯ ออกมาว่าไม่ให้เซ็น
2. ศาลมีการสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นการเร่งด่วน แต่ที่ผ่านมา ผู้ที่แพ้การประมูลได้ยื่นเรื่องของคุ้มครองกับศาลถึง 3 ครั้งแล้ว โดย 2 ครั้งศาลยกคำร้อง และอีกครั้งคือไม่รับคำร้อง ซึ่งหากให้รอคำพิพากษาของศาลปกครอง ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ก็จะทำให้ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้

ส่วนประเด็นที่ฝ่ายค้านจะนำประเด็นเรื่องการประมูลท่อส่งน้ำ EEC ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มองว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นประเด็นทางการเมือง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรมฯ โดยกรมธนารักษ์จะมีหน้าที่เพียงส่งข้อมูลให้กับผู้บริหารและฝ่ายการเมืองในการชี้แจงฝ่ายค้านหากมีการอภิปรายในประเด็นนี้

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ทีมข่าว TOPNEWS ได้ติดตามบทสรุปเรื่องนี้ กับรมว.คลัง มาอย่างต่อเนื่อง หากมีความคืบหน้าอย่างไร ก็จะมารายงานให้ทราบต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น