"ไข้เลือดออก" กรมควบคุมโรค เตือน เฝ้าระวัง ผู้ป่วยมีแนวโน้มสูงกว่าปีที่ผ่านมา ย้ำอย่าซื้อยากินเอง หากมีอาการเข้าข่าย พบแพทย์ด่วน
ข่าวที่น่าสนใจ
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยแพร่พยากรณ์โรคภัยสุขภาพรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 22-28 พ.ค. 2565 โดยคาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงนี้ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน
กรมควบคุมโรค ระบุว่า จากการเฝ้าระวังสถานการณ์ในปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 18 พ.ค. 2565 พบว่า มีผู้ป่วยจำนวน 1,952 ราย เสียชีวิต 2 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ
- อายุ 5-14 ปี
- 15-24 ปี
- เด็กแรกเกิด – 4 ปี ตามลำดับ
สำหรับจังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูง 5 จังหวัดแรก คือ
- แม่ฮ่องสอน
- ระนอง
- ตาก
- นครปฐม
- ราชบุรี ตามลำดับ
แม้สถานการณ์โรคในช่วงต้นปี 2565 จะมีตัวเลขน้อยกว่าปี 2564 แต่ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา กลับพบว่าจำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและสูงกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
“เมื่อฝนตกลงมา จะมีน้ำขังตามภาชนะต่าง ๆ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย ประกอบกับเป็นช่วงเปิดภาคเรียนของสถานศึกษาต่าง ๆ ทำให้มีการรวมตัวของเด็กนักเรียน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กวัยเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการระบาดของโรคได้”
ทั้งนี้ จึงขอแนะนำให้ประชาชนช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้านและโรงเรียนทุกแห่ง โดยใช้มาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค (โรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย โรคติดเชื้อไวรัสซิกา) ได้แก่
- เก็บบ้าน/โรงเรียน ให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก
- เก็บภาชนะที่มีน้ำขังเพื่อป้องกันยุงลายไปวางไข่
- เก็บขยะภายในบริเวณบ้าน/โรงเรียน ให้เรียบร้อยไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
และจัดกิจกรรมเสริมในการจัดการสิ่งแวดล้อมกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในโรงเรียน รวมถึงการป้องกันตนเองจากการถูกยุงกัด ทั้งในบริเวณบ้านและโรงเรียน
นอกจากนี้ หากประชาชนหรือบุตรหลาน มีอาการ
- ไข้สูงลอย ให้รับประทานยาลดไข้
- หากทานแล้วไข้ไม่ลด หรือไข้ลดแล้วกลับมาสูงอีก
- ร่วมกับมีอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระบอกตา
- หรือมีจุดเลือดออกที่ลำตัว และแขน ขา ให้สันนิษฐานว่าเป็นโรคไข้ เลือดออก
“ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่มแอสไพริน และไอบูโพรเฟน นอกจากนี้ หากมีอาการ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ เบื่ออาหาร ปวดท้องร่วมด้วย อาจป่วยร่วมกันระหว่างโรคไข้ เลือดออก กับโรคโควิด 19 จะทำให้มีอาการทรุดหนักได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นเมื่อมีอาการสงสัยให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยแยกโรคให้ชัดเจน จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม และจะช่วยลดความรุนแรงของการเสียชีวิตได้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422”
ข้อมูล : thecoverage
ข่าวที่เกี่ยวข้อง