อาจจะเพราะกำลังฮึกเหิมที่คนฝ่ายทักษิณพรรคพวกตระกูลชินชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย เข้าข่าย “กรุงเทพแลนด์สไลด์” ก็ว่าได้ หลังชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระหมายเลข 8 อดีตคนฝ่ายตัวเองชนะการเลือกตั้งได้เป็นผู้ว่าฯกทม.ด้วยคะแนนสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ 1,386,215 คะแนนทิ้งห่างผู้สมัครคนอื่นๆแบบไม่เห็นฝุ่นชนิดผูกรวมกันทั้งหมดยังสู้ไม่ได้ ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็คว้าแชมป์สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) หลังกวาดมาได้ 20 คนจาก 50 คน 50 เขต ได้คะแนนรวมไปถึง 615,003 คะแนน ถือเป็นช่วงขาขึ้นของฝ่ายทักษิณ สวนทางกับขาลงของรัฐบาลและพี่น้อง 3 ป. แถมช่วงเวลาดันเผอิญมาเกิดตรงกับวันครบรอบรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ครบรอบ 8 ปีพอดิบพอดี งานนี้ทักษิณนกรู้กระแสกำลังดีโอกาสกำลังมาศัตรูกำลังเสียท่า เพราะพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในช่วงขาลง พล.อ.ประวิตรกำลังตกต่ำ รัฐบาลกำลังเพลี้ยงพล้ำ รอบนี้จึงออกโรงมาขย่มโจมตีนายกฯและรัฐบาลต่อเนื่องหลังเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จบ ตั้งใจเกาะกระแสคน “เบื่อนายกฯ-ไม่ชอบรัฐบาล” ห้อยโหนขาชัชชาติหวังกระทืบฝ่ายตรงข้ามให้จมดิน
ล่าสุดอาศัยช่วงเวลาพูดในรายการ CareTalk X Clubhouse หัวข้อ “เปิดใจที่นี่ เบื้องหลังรัฐประหารที่ไม่เคยเล่า” วันอังคารที่ 24 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ฟอกผิดตัวเอง ใส่ร้ายคนอื่น ย้อนหลังชี้แจงเรื่องปฏิวัติ ในแบบใส่สีตีไข่เข้าข้างตัวเอง พูดดีเข้าตัวป้ายชั่วให้คนอื่น ออกตัวไม่ใช่คนชั่วไม่ใช่ผี แต่ถูกทหารฝ่ายปฏิวัติใส่ร้ายป้ายข้อมูลเท็จ ทั้งๆที่ตอนเป็นนายกฯ 2 สมัย มีผลงานเยอะ สร้างความเจริญให้กับบ้านเมืองไว้มาก เป็นรัฐบาลที่ป็อปปูล่าร์มาก โดยเฉพาะสมัยทักษิณเทอม 2 พรรคไทยรักไทยกวาดส.ส. 377 คนจาก 500 ที่นั่ง เป็นรัฐบาลพรรคเดียว แถมมีเสียงเกินครึ่งของ 2 สภา ที่ตอนนั้นมีส.ส. 500 คน ส.ว. 250 คน 2 สภามี 750 คน เกินครึ่งของ 2 สภาคือ 275 แต่พรรคไทยรักไทยได้ส.ส.มากถึง 377 คน ก็เลยมีคนปล่อยข่าวทันทีว่าได้ 377 เสียงเกินครึ่งของ 2 สภา ต่อไปการตั้งรัชทายาทต้องขึ้นกับทักษิณ “ ปล่อยข่าวว่าได้ 377 เสียง มันเกินครึ่งของ 2 สภา แสดงว่าต่อไปการตั้งรัชทายาทต้องขึ้นกับทักษิณ โธ่…เหากินหัวตายห่า มันเป็นเรื่องของสำนักพระราชวัง เป็นเรื่องของพระเจ้าอยู่หัวท่านจะเสนอใคร ทางนี้มีหน้าที่แค่รับสนองรับทราบ ตามนั้นหมดทุกอย่าง มันไม่มีหรอก ว่าจะเอาคนนั้นคนนี้ ไม่มีน้ำยาขนาดนั้น แต่มันปล่อยข่าว ไม่รู้จะทำลายความนิยมผมด้วยวิธีใด ก็ไปเอาเรื่องเจ้านายมาเล่นผม” ทักษิณกล่าว เรื่องแบบนี้ไม่ต้องฟอกขาวตัวเอง คนไทยใจภักดีเขารู้ เขาจับได้ไล่ทัน ทักษิณพูดอย่างทำอย่าง ปากปราศรัยใจเชือดคอ ก้าวล่วงสถาบันหยาบคายกับในหลวงมากี่ครั้งแล้ว เรื่องอุบาทว์พรรค์อย่างนี้คนไทยไม่เคยลืม ประโยคกระทบกระเทียบพระเจ้าแผ่นดินอย่าง ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ กระซิบข้างหู ฯลฯ ซื้อเครื่องบินส่วนตัวเทียบชั้นเจ้านาย สร้างอาณาจักรทำตัวให้ชาวบ้านรักเหมือนเจ้าฟ้า ไปไหนมาไหนมีขี้ข้าเดินตามเอาทหาร-ตำรวจเฝ้ายามตามไปเป็นร้อย เรื่องทำนองแบบนี้มีแต่คนคิดชั่วเท่านั้นที่คิดเทียบชั้นเจ้านาย อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่คนไทยรักสถาบันเขารู้ทัน
แก้ตัวเรื่องตั้งรัชทายาทแล้วเสร็จ ทักษิณก็ฟอกขาวตัวเองเรื่องทำบุญประเทศเมื่อ 10 เม.ย.2548 ที่วัดพระแก้วต่อ งานนี้ออกตัวโบ้ยใส่ “เนติบริกร” วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมายตอนนั้นว่าเป็นตัวตั้งตัวตีเจ้ากี้เจ้าการในการจัดงานทำบุญ ส่วนตัวเองมีหน้าที่แค่เซ็นเอกสารและไปนั่งเป็นหุ่นยนตร์ทำหน้าที่ประธานพิธีเท่านั้น ร้ายไปกว่านั้นโทนี่ยังระบุได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ได้ทำหนังสือผ่านรองราชเลขาฯที่ชื่อเสนาะ แต่ตัวแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวังในยุคนั้นไม่รู้ และออกโวยวายว่าทักษิณและครอบครัวเหิมเกริมเหลือเกินที่มาจัดงานในวัดพระแก้ว “ ตอนนั้นรองราชเลขาฯชื่อคุณเสนาะเซ็นอนุมัติมาว่าได้กราบบังคมทูลฝ่าพระบาทแล้ว ทรงอนุญาตให้ใช้ ก็จึงเปิดใช้ให้มีการทำบุญ แต่คุณแก้วขวัญคิดว่ายังไม่อนุญาตแล้วทำไมรัฐบาลเปิดใช้ได้ แกก็อายุเยอะแล้ว ก็จึงโวยวายขึ้นมา ความจริงพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งกับผม ความจริงผมได้รับอนุญาตแล้วโดยผ่านรองเสนาะ นี้คือสิ่งที่เอาไปปล่อยข่าวว่าผมชั่วชาติไปใช้วัดพระแก้ว” อดีตนายกฯกล่าว แต่ข้อเท็จจริงที่คนทั่วไปรับรู้ ไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯและรมว.กลาโหมยุคนั้นเขียนข้อมูลไว้ชัด ด้วยเหตุที่ต้องทำบุญใหญ่ประเทศในตอนนั้น เพราะบรรดาโหรานุโหรทุกฝ่าย ตรวจพบชะตาเมืองตรงกันว่า แผ่นดินจะประสบวิกฤตใหญ่หลวง บ้านเมืองแตกแยก ระส่ำระสายจะบาดเจ็บล้มตายเดือดร้อนกันเป็นอันมาก จะเกิดความเปลี่ยนแปลงหลายประการในบ้านเมืองเป็นเวลาถึง 20 ปี ทักษิณและรัฐบาลจึงกำหนดทำบุญใหญ่ประเทศเพื่อให้พ้นคราวเคราะห์วิกฤติร้ายแรง ตอนนั้นทักษิณมอบหมายให้บิ๊กจิ๋วเป็นประธานจัดงาน โดยกำหนดไว้ 2 พิธี คือ 1.พิธีหลวงจัดในวัดพระแก้ว โดยพระเจ้าอยู่หัวเป็นประธาน มีเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ข้าราชการระดับสูงเท่านั้นที่เข้าร่วมงาน 2. พิธีราษฎร์ จัดที่ท้องสนามหลวงมีนายกฯเป็นประธาน รวมถึงที่ศาลาว่าการทุกจังหวัดมีผู้ว่าฯแต่ละจังหวัดเป็นประธาน แต่ยังไม่ถึงวันจัดงานทักษิณจัดการปลดบิ๊กจิ๋วพ้นครม.ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาแทน ลดพิธีทำบุญประเทศเหลือแค่พิธีราษฎร์และให้ไปจัดในวัดพระแก้วโดยทักษิณเป็นประธาน นอกจากนี้กรณีที่ทักษิณอ้างว่ากราบทูลขออนุญาตและได้รับการอนุญาตแล้วนั้น ไพศาลตั้งข้อสังเกตว่า “ลักไก่” จัดงานโดยขออนุญาตตามไปภายหลัง หนังสือที่อ้างนั้น ก็ปรากฏว่า ลงวันที่ 8 เม.ย. 2548 ในขณะที่วันจัดงานคือ 10 เม.ย. 2548 แสดงให้เห็นว่า กรณีที่มีการเตรียมการกันมาก่อนหน้านั้นเป็นการทำตามอำเภอใจ ไม่ได้ขอรับพระบรมราชานุญาต และการมีหนังสือลักษณะนี้ ก็เห็นได้ว่าทำย้อนหลัง และไม่มีทางที่จะถึงสำนักราชเลขาธิการ ก่อนการจัดงานคือในวันที่ 10 เม.ย.2548 ได้เลย จากเรื่องก้าวล่วงดังกล่าวคนไทยได้เห็นทักษิณนำครม.และครอบครัวแต่งชุดขาวเข้าไปนั่งทำบุญในวัดพระแก้ว เป็นปฐมบทที่ทิ่มแทงใจคนไทยเหลือเกินว่าทักษิณอาจเอื้อมตีตัวเสมอเจ้ามักใหญ่ใฝ่สูงถือดีเข้าไปทำบุญในวัดของพระเจ้าแผ่นดิน
นอกเหนือจากกระเด็นฮึกเหิมคิดอ่านตั้งรัชทายาท ต่อด้วยคิดการใหญ่ลากครม.พาครอบครัวเข้าไปทำบุญประเทศในวัดพระแก้วแล้ว อีกประเด็นที่ทักษิณออกมาแก้ตัวยาวๆเที่ยวนี้คือ กรณีถูกกล่าวหาว่าแอบอ้างเบื้องสูงแต่งตั้งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ตอนนั้นมีกระแสข่าวหนาหูว่าทักษิณมีความพยายามอย่างยิ่งยวดในการสนับสนุนสมเด็จเกี่ยว เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ขึ้นเป็นสังฆราชองค์ใหม่ให้ได้ เพราะเป็นพระที่ตัวเองและครอบครัวคนในตระกูลเคารพนับถือ ทักษิณแก้ต่างเรื่องนี้แบบพูดข้างเดียวไปน้ำขุ่นๆว่า “ หมออธิบายว่าท่านมีอาการก้านสมองอักเสบ ถ้าบรรทมนาน ๆ เป็นวัน เวลาตื่นขึ้นมาจะรับรู้ไม่เกิน 5 นาที แล้วหลังจากนั้นก็จะLOST ผมจึงไปถวายคำปรึกษากับพระเจ้าอยู่หัวว่าจะทำอย่างไร พระเจ้าอยู่หัวก็ส่งคนของท่านไปถามหมอว่ามันเป็นอะไรแน่ หมอก็ยืนยันทางวาจาแต่หมอไม่กล้าเขียนใบรับรอง ท่านก็ทรงทราบ ผมไปเฝ้าพร้อมกับวิษณุ ท่านก็เลยดำริขึ้นมาเองนะ สมเด็จเกี่ยวนี้ผมไม่ได้เป็นคนเสนอ ท่านก็ดำริว่าสมเด็จเกี่ยวท่านอาวุโส ก็ตั้งตามอาวุโสขึ้นมารักษาการ ซึ่งก็ถูกตามของท่านหมด” ทักษิณระบุ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในตอนนั้นว่าสมเด็จเกี่ยวมีอาวุโสสูงสุดในบรรดาพระชั้นผู้ใหญ่ที่เหลืออยู่ แต่การแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่แทนสังฆราชในตอนนั้นก็มีข้อทักท้วงจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะจาก สนธิ ลิ้มทองกุล นายใหญ่สื่อเครือผู้จัดการ และรวมถึงพระธรรมวิสุทธิมงคลหรือหลวงตาบัว ณานสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด ที่ออกมาโต้แย้งว่าสมเด็จพระญาณสังวรฯ ไม่ได้ทรงพระประชวรขนาดทรงงานอะไรไม่ได้เลย แต่ทรงเจริญพระชนมายุมากตามวัย รวมถึงยังทรงแจ่มใส สามารถปฏิบัติพระศาสนกิจได้ เพราะฉะนั้นการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชจึงมิชอบ
อีกประเด็นที่ทักษิณออกมาพูดในเที่ยวนี้ ซึ่งเท็จจริงยังไม่รู้ คือการระบุสาเหตุที่ทำให้หลวงตาบัวไม่ชอบและโกรธตัวเอง เพราะต้องการเข้าเฝ้าในหลวงแต่ตัวเองไม่สามารถพาเข้าเฝ้าได้จึงทำให้หลวงตาบัวโมโห “ อยู่มาวันหนึ่งหลวงตาบัวมาหาผมที่บ้าน เราก็รักเคารพท่านมาก ท่านก็มาบอกว่า นายกฯพาหลวงตาเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวหน่อย โอ้ว ผมก็บอกว่าไม่ได้ครับ การเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวต้องทำหนังสือขอพระราชทานราชานุญาตก่อน ไม่ใช่จู่ๆนายกฯจะพาใครเข้าเฝ้าก็ได้ ที่นายกฯเข้าเฝ้าส่วนตัว เพราะต้องไปถวายรายงานท่าน ไม่ใช่จะพาคนนั้นคนนี้ไปเฝ้าได้ ท่านก็โกรธคิดว่าผมไม่รักท่าน ไม่พาท่านเฝ้า ซึ่งมันไม่ได้จริงๆ แล้วคนเป็นนายกฯ ฤกษ์งามยามดี จู่ๆในหลวงรับสั่งให้เฝ้าเป็นงานเป็นการ จู่ๆจะพาเมียไปด้วยได้ไหม ไม่ได้ ไม่ได้ ยังไงต้องเป็นอย่างนั้น ต้องตามProtocol ทุกอย่าง คนไม่รู้จะล้มนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งที่มี Popularity ได้อย่างไร ก็เลยใช่เรื่องในวัง เรื่องของพระเจ้าอยู่หัว ทั้งๆที่ผมเป็นคนที่ถวายงานพระเจ้าอยู่หัวด้วยความจงรักภักดีมากที่สุดคนนึงในบรรดานายกฯทั้งหลาย แต่ปรากฏโดนหนักที่สุด ผมก็งงมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผม” ทักษิณระบุ ภักดีที่สุดแต่ถูกกล่าวหาเป็นตัวการล้มล้างสถาบัน นายใหญ่คนแดนไกลตีสองหน้า สู้ไปกราบไปทำไมคนไทยจะไม่รู้
เป็นอีกครั้งที่ทักษิณออกมาพ่นน้ำลายใส่คนอื่น แปลงตัวเป็นหมาบ้าไล่กัดเขาไปทั่ว ทั้งลำเลิกบุญคุณ “แก๊งค์รุ่น 6” อาทิ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน “บิ๊กตุ่น” พล.อ.วินัย ภัททิยกุล แกนนำเตรียมทหารรุ่น 6 ตั้งเป็นผบ.เหล่าทัพได้ขึ้นเป็นใหญ่เป็นโตทุกวันนี้มาเองกับมือ ฯลฯ สารพัดเรื่องราวกล่าวหาใส่ร้ายคนอื่น เท็จจริงเป็นอย่างไรเป็นเรื่องที่คนไทยต้องพิสูจน์ แต่ถ้าดูจากนิสัยและพฤติกรรมในอดีตของทักษิณ เชื่อว่าคนไทยรู้ดีว่าทักษิณเป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกลขนาดไหน โกหกเป็นประจำ พูดจาตลบตะแลง หน้าเหลี่ยมหัวหมอคบไม่ได้ กี่ครั้งที่รับปากว่าหยุด กี่หนที่บอกว่าไม่ยุ่งกับการเมือง เรื่องพวกนี้ทักษิณไม่เคยทำได้ รอบนี้เหิมเกริมอย่างหนัก พูดจาก้าวล่วงถึงพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักของคนไทย ใส่ไข่พระนักปฏิบัติผู้ยิ่งใหญ่ของคนทั้งประเทศ ไม่มีแผ่นดินอยู่ยังไม่ สามหาวปากพาจนกล่าวหาบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว นรกจะกินหัวฟ้าดินจะลงทัณฑ์ ที่กำเริบเสิบสานโอหังพองขนเช่นนี้ เพราะคิดว่าชัชชาติได้เป็นผู้ว่าฯสมใจ พรรคเพื่อไทยกวาดส.ก.ตามเป้า เครือข่ายฝ่ายตัวเองกำลังน้ำขึ้น จึงรีบออกมารุกไล่กระทืบฝ่ายตรงข้ามตามอำเภอใจ คนไทยโง่ง่าย แต่โง่แพพเดียวและโง่ไม่นาน อย่างที่ทักษิณพูดไว้จริงๆ อีกไม่นานทุกคนก็ตาสว่างถึงบางอ้อ สยามประเทศเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์คนโกงชาติทำลายบ้านเมืองไม่มีทางได้กลับคืนรัง คอยดูก็แล้วกัน
/////////////////