นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. แถลงต่อสื่อมวลชน ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องกล่าวหา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยละเว้นไม่ควบคุมดูแลหรือสั่งการให้มีการตรวจสอบ กรณีองค์การคลังสินค้าคัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปี 2554 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติดังต่อไปนี้
1. การกระทำของนายกิตติรัตน์ มีมูลความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192
2. การกระทำของนายสุรศักดิ์ ศรีประภา ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า และได้รับมอบหมายให้รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า นายพิทีรต์ ตั้งพสสวัสดิ์ หรือนายพิพรรธารย์ มาตธินินทร์ รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า นายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า และบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด กับพวก มีมูลความผิดอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
สำหรับการไต่สวนข้อเท็จจริง พบว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2554 องค์การคลังสินค้ากับองค์การสำรองอาหาร หรือ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย ทำสัญญาซื้อขายข้าว ปริมาณ 300,000 ตัน ในราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ โดยวิธียื่นซองเสนอราคาในวันที่ 13 ธันวาคม 2554 แต่ไม่ปรากฏว่าหนังสือดังกล่าวได้ประกาศเป็นการทั่วไป ซึ่งไม่ชอบด้วยระเบียบองค์การคลังสินค้า ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2554 มีผู้ยื่นซองเสนอราคา จำนวน 2 ราย ได้แก่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และบริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว จำกัด ผลการพิจารณาคุณสมบัติปรากฏว่า บริษัท นครสวรรค์ค้าข้าว ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ นายสุรศักดิ์ จึงได้อนุมัติให้บริษัท สยามอินดิก้า เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย โดยองค์การคลังสินค้าได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท สยามอินดิก้า จำนวน 100,000 ตัน ราคาตันละ 559 เหรียญสหรัฐ และต่อมาตกลงซื้อขายข้าวเพิ่มเติมอีก จำนวน 200,000 ตัน โดยไม่ออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปเพื่อแข่งขันราคากันแต่อย่างใด จึงถือได้ว่านายสุรศักดิ์ นายพิทีรต์ และนายสมศักดิ์ ได้ร่วมกระทำไปโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเอื้ออำนวยให้บริษัท สยามอินดิก้า ได้เข้าเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับองค์การคลังสินค้าและไม่ต้องแข่งขันราคา กับผู้เสนอราคารายอื่น
ข้อเท็จจริงยังรับฟังได้อีกว่า ตัวแทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยได้เข้าพบนายกิตติรัตน์ ในขณะนั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทักท้วงว่า การคัดเลือกบริษัท สยามอินดิก้า ให้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้ BULOG ดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่นายกิตติรัตน์ กลับไม่ใช้อำนาจสั่งการให้ตรวจสอบ หรือดำเนินการใด ๆ เพื่อยับยั้ง และกลับแจ้งแก่ผู้แทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย รวมถึงให้ข่าวแก่สื่อมวลชนว่าจะไม่ทบทวนเรื่องดังกล่าว แสดงให้เห็นเจตนาว่าต้องการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท สยามอินดิก้า ได้เป็นผู้ส่งมอบข้าวให้แก่ BULOG ของรัฐบาลอินโดนีเซีย แต่เพียงผู้เดียว