สภาเดือด! “ยุทธพงศ์” ไล่บี้ปมประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี ไม่โปร่งใส – จี้ “บิ๊กตู่” ปลด “สันติ” พ้นรมช.คลัง

"ยุทธพงศ์" ปะทะเดือด "สันติ" กลางสภา ปมประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี ไม่โปร่งใส ข้องใจทำไมยกเลิกประมูลครั้งแรก จี้ "บิ๊กตู่"ปลด"สันติ" พ้นรมช.  ก่อนท้าเดิมพันตำแหน่งส.ส.กับรัฐมนตรี ปมฐานะ"อีสต์ วอเตอร์" แจงยิบอีสวอเตอร์ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ  

โครงการประมูลท่อส่งน้ำสายหลักพื้นที่ภาคตะวันออก บานปลายหนัก การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสด ของ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร  ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ถาม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เรื่องความไม่โปร่งใส เกี่ยวกับการประมูลโครงการท่อส่งน้ำสายหลักพื้นที่ภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่กรมธนารักษ์  กำลังรับผิดชอบ และเกิดข้อครหาเรื่องความไม่โปร่งใส ในการประมูลคัดเลือกในครั้งนี้ พร้อมกับระบุว่า พื้นที่อีอีซีหรือพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นพื้นที่ที่นิคมอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัย และเป็นพื้นที่ที่รัฐบาล หลายๆ รัฐบาลตั้งใจที่จะพัฒนาให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะในรัฐบาลชุดปัจจับน ได้มีการลงทุนในพื้นที่อีอีซี เป็นจำนวนมาก

นายยุทธพงศ์  ย้ำว่าเรื่องที่ตนจะสอบถามไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานที่ราชพัสดุ คือเรื่องท่อส่งน้ำสายหลักพื้นที่ภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก มีท่อหลักๆอยู่ 3 ท่อ  เริ่มตั้งแต่ส่งน้ำเส้นที่ 1 โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย เริ่มตั้งแต่อ่างเก็บน้ำดอกกลาย มายังมาบตาพุด ไปยังสัตหีบ กรมธนารักษ์ได้จ้าง บริษัทอีสต์ วอเตอร์ ผู้บริหาร และสัญญาจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ตรงนี้เป็นปัญหาและมีข้อครหาเรื่องความไม่โปร่งใสในการประมูล

ท่อส่งน้ำเส้นที่ 2 โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ กรมธนารักษ์ได้รับมอบจากกรมโยธาธิการและผังเมือง เมื่อปี 2541 กรมธนารักษ์ก็ให้บริษัทอีสต์ วอเตอร์ บริหาร ไปพลาง

ท่อส่งน้ำสายที่ 3 คือโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ แหลมฉบัง ระยะที่ 1 ตั้งแต่หนองค้อไปถึงแหลมฉบัง เส้นนี้เป็นเส้นที่มีความสำคัญที่สุด เพราะเป็นพื้นที่ที่มีท่าเรือ มีประชาชนที่อยู่อาศัย มีโรงแรมมีเขตอุตสาหกรรมหนัก ต้องใช้น้ำเป็นจำนวนมาก กรมธนารักษ์ได้รับมอบจากกรมโยธาธิการและผังเมือง เมื่อปี 2540 และกรมธนารักษ์ ก็ได้ให้ บริษัทอีสต์ วอเตอร์ บริหาร ทั้งหมดเป็นการบริหารท่อส่งน้ำสายหลักพื้นที่ภาคตะวันออก หรืออีอีซี

จากนั้นนายยุทธพงศ์ ได้โชว์เอกสาร โดยระบุว่าโครงการนี้มีความผิดปกติ ในระเบียบที่ราชพัสดุ ของกระทรวงการคลัง ที่มีมูลค่าเกิน 500 ล้านบาทขึ้นไป เวลาจะดำเนินการต้อง”ประกวดราคา” ก็จะใช้”วิธีการประมูลทั่วไป” แต่โครงการท่อส่งน้ำสายหลักในพื้นที่ภาคตะวันออก ที่กรมธนารักษ์กำลังดำเนินการคัดเลือก ขณะนี้ไป “ใช้วิธีการคัดเลือก” โครงการดังกล่าวไปจัดจ้างที่ปรึกษาในการศึกษา โดยระบุว่า มีบุคคลสำคัญอันดับ 1  เป็นผู้จัดการโครงการ

นายยุทธพงศ์  ระบุด้วยว่าในระเบียบที่ราชพัสดุ กระทรวงการคลัง ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2564 ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการคัดเลือกเอกชนเพื่อจัดหาที่ราชพัสดุ ที่มีราคาเกิน 500 ล้านบาท ปี 2564 ซึ่งเพิ่งประกาศออกมาในระเบียบบอกว่าให้ใช้วิธีที่ 1 คือ วิธีการประมูล หมายความว่า การที่เจ้าของหน่วยงานโครงการประกาศเชิญชวนเอกชนทั่วให้เข้ายื่นข้อเสนอ คือ วิธีการประมูลทั่วไป ถ้าดำเนินการไม่ได้ ไม่มีผู้เสนอ ถึงไปสู่วิธีการที่ 2 คือ วิธีการคัดเลือก จะเชิญเฉพาะราย และมีไม่ต่ำกว่า 2 ราย มาให้หน่วยงานได้คัดเลือก วิธีที่ 3 ถ้าคัดเลือกไม่ได้ ถึง ใช้วิธีการเฉพาะเจาะจง หรือ วิธีพิเศษ

นายยุทธพงศ์ ตั้งคำถามทำไมกรมธนารักษ์ ถึงไม่ ใช้วิธีการประมูลทั่วไป ไปเลือกใช้ วิธีการคัดเลือก และไปเลือกเฉพาะบริษัทที่มีคุณสมบัติ แต่เป็นบริษัทขนาดเล็ก เช่น บริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด, บริษัทอีสวอเตอร์, บริษัทวิค มาแข่งขัน ทำไมไม่เรียกบริษัทที่มีคุณสมบัติใหญ่ ๆ เช่น บริษัท ช. การช่างที่มีบริษัททำน้ำประปาชื่อ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน)  บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด ที่มีบริษัททำน้ำประปา ชื่อบริษัท อาควาไทย จำกัด บริษัทซิโน-ไทย หรือบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)

พร้อมตั้งคำถามว่าหากใช้วิธีการคัดเลือก ทำไมไม่เรียกบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือ และมีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ เข้าคัดเลือกเพื่อให้เกิดการแข่งขันและให้รัฐได้ประโยชน์

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากนั้นนายสันติ ได้ชี้แจงว่าต้องยอมรับ กรมธนารักษ์ ไม่มีประสบการณ์สูงสุดในการบริหารจัดการท่อส่งน้ำ ในความรู้สึกผมความรู้ก็มีไม่เพียงพอ กรมธนารักษ์จึงต้องจ้างที่ปรึกษา คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อออกแบบและสำรวจ ศึกษาในทุกด้าน ทั้งนี้กรมธนารักษ์ได้ทำอย่างรอบคอบ  มีข้อแนะนำจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า ให้เชิญบริษัทใหญ่ๆ ที่ประกอบการในพื้นที่ภาคตะวันออก มาหารือให้ความเห็นเพื่อประกอบการวิเคราะห์  ได้แก่ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) บริษัทอีส วอเตอร์ บริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ บริษัท WHA การประปาส่วนภูมิภาค ยืนยันว่าการทำงานของกรมธนารักษ์ ทำด้วยความรอบคอบ และใช้วิธีคัดเลือก เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อระบบส่งน้ำ

ดังนั้นกรมธนารักษ์ ที่รายงานให้ผม คัดเลือกบริษัทอมตะ บริษัทอีสวอเตอร์ และบริษัท WHA  การประปาส่วนภูมิภาค เป็นผู้คัดเลือก และมีผู้เสนอตัว คือบริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง และบริษัทวิค จำกัด (มหาชน) ไม่ใช่การเฉพาะเจาะจง แต่คัดเลือก 5 บริษัท ใหญ่เข้าร่วมเสนอราคา

นายสันติ กล่าวว่าท่อส่งน้ำโดยมติ ครม.ปี 2535 ได้มอบให้การประปาส่วนภูมิภาค จ่ายน้ำในภาคตะวันออก ซึ่งการประปาส่วนภูมิภาค ตั้งบริษัทชื่อ บริษัทอีสวอเตอร์ โดยการประปาถือหุ้น 100% บริหารจัดการน้ำอยู่ระยะหนึ่ง ได้ดำเนินการแปลงบริษัทอีสวอเตอร์ ให้เป็นเอกชน โดยการประปาถือหุ้น 40% อีก 60% ให้บุคคลทั่วไปเข้าถือหุ้น ขณะนี้ บริษัท อีสวอเตอร์ จึงไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ แต่เป็นบริษัทเอกชน  ดังนั้นการที่ นายยุทธพงศ์ แถลงที่พรรคเพื่อไทย ระบุว่า กรมธนารักษ์ ไม่สนับสนุนให้บริษัทอีสวอเตอร์ทำต่อ เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจนั้นไม่จริง

ดังนั้นขณะนี้ บริษัท อีสวอเตอร์ จึงไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ แต่เป็นบริษัทเอกชน ส่วนการยกเลิกประมูลครั้งแรก เนื่องจากทีโออาร์ไม่สมบูรณ์ไม่มีความชัดเจนเรื่องปริมาณน้ำ ทำให้บริษัทที่เข้าร่วมประมูลใช้ปริมาณน้ำต่างกัน จำเป็นต้องประมูลและกำหนดทีโออาร์ใหม่ เพื่อกำหนดปริมาณน้ำให้ชัดเจน โดยให้สิทธิบริษัทเดิมเข้าแข่งขัน สงสัยว่า อีสวอเตอร์รู้ว่าเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดในการประมูลรอบแรกได้อย่างไร ทั้งที่ยังไม่มีการเปิดซองประกวดราคา เรื่องนี้จะต้องสอบคณะกรรมการคัดเลือกชุดแรกด้วย

 

จากนั้น นายยุทธพงศ์ ถามต่อว่า ในการเปิดซองประมูลครั้งแรก ที่ได้บริษัทอีสวอเตอร์ เป็นผู้ชนะประมูลนั้น พบว่า “มีการยกเลิก” โดยคณะกรรมการคัดเลือกการชนะประมูล จนบริษัทอีสวอเตอร์ต้องฟ้อง และต่อมาได้ตั้งคณะกรรมการคัดเลือกชุดใหม่ โดยเปลี่ยนกรรมการชุดแรก ที่คัดค้านการยกเลิกบริษัทอีสวอเตอร์ จนทำให้บริษัทวงษ์สยาม ชนะการคัดเลือกรอบที่สอง

นายสันติ ชี้แจงว่า การเปิดซองประมูลครั้งที่หนึ่ง อธิบดีกรมธนารักษ์ บอกว่า ทีโออาร์ ไม่สมบูรณ์ เพราะมีบริษัทใช้ตัวเลขน้ำ 150 ล้านคิว แต่อีกบริษัทใช้ 350 ล้านคิว เมื่อปริมาณน้ำต่างกัน และทีโออาร์ ไม่ได้กำหนดไว้ ทางคณะกรรมการ จึงสรุปว่า “ไม่สมบูรณ์” ซึ่งทางอธิบดีฯตรวจสอบแล้วก็เห็นว่า ไม่สมบูรณ์ หากการประมูลครั้งแรกตัดสินใจให้บริษัทใดชนะการประมูล กรรมการและเจ้าหน้าที่ก็มีปัญหา รวมถึงพิจารณาตามกฎ และระเบียบแล้วเป็นสิทธิที่กรรมการจะต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยให้บริษัทเดิมที่เข้าแข่งขันยังมีสิทธิเข้าแข่งขันอีกครั้งเพื่อเกิดความสมดุล

“อีสวอเตอร์เข้าใจว่า ชนะประมูล ทั้งที่ยังไม่ได้เปิดซอง แต่พบว่า มีการนำตัวเลขมาแถลง ผมได้ตั้งเรื่องตรวจสอบกรรมการชุดแรกนี้แล้วว่า ในเมื่อยังไม่ได้เปิดซอง ทำไมรู้ราคาเหล่านี้ ผมยังข้องใจอยู่ ส่วนการฟ้องศาลปกครองของบริษัทอีสวอเตอร์ พร้อมขอให้คุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้ชนะในครั้งที่หนึ่ง ปรากฏว่า ศาลปกครองได้วินิจฉัยมาแล้วว่า การกระทำของกรมธนารักษ์ ทำถูกต้องตามระเบียบ เมื่อเห็นว่า ทีโออาร์ไม่สมบูรณ์ ก็ยกเลิกแล้วให้ 5 บริษัทยื่นซองประมูลใหม่อีกครั้ง แม้ผมไม่มีอำนาจ แต่ดีใจเพื่อให้เกิดความชัดเจน และโปร่งใส ผมยังกังวลว่า หากอีสวอร์เตอร์ไม่มาประมูล จะเกิดครหาแน่นอน” นายสันติ ชี้แจง

นายสันติ กล่าวว่า การจ่ายค่าตอบแทนให้รัฐในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ที่อีสวอเตอร์ เป็นเจ้าของสัมปทานให้ค่าตอบแทนกรมธนารักษ์ปีละ 500 กว่าล้านบาทเท่านั้น แต่การประมูลรอบล่าสุด ในรอบแรกอีสวอเตอร์ให้ค่าตอบแทนรัฐ 3,000 ล้านบาท และการประมูลรอบสอง อีสวอเตอร์เพิ่มค่าตอบแทนให้รัฐเป็น 24,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัท วงษ์สยามฯ ให้ค่าตอบแทน 25,000 ล้านบาท ดูแล้วน่าตกใจที่การบริหารจัดการน้ำมีมูลค่านับหมื่นล้าน แต่ทำไมที่ผ่านมารัฐได้ค่าตอบแทนแค่ 500 ล้านบาทต่อปี เงินเป็นหมื่นล้านหายไปไหน ต้องตรวจสอบเจ้าหน้าที่ให้ชี้แจงว่า รายได้รัฐหายไปไหนช่วงที่ผ่านมา

จากนั้นนายยุทธพงศ์  เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปลดนายสันติ ออกจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง พร้อมตั้งคำถามถึงการตั้งข้อสังเกตของอัยการสูงสุด ในการร่างสัญญาจัดหาผู้ดำเนินการ พร้อมตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อของบริษัทอีสวอเตอร์ ที่มีมากกว่า บริษัทวงษ์สยาม โดยแสดงสถานที่ตั้งของสำนักงานบริษัทอีสวอเตอร์ ที่ถนนวิภาวดี-รังสิต มีสินทรัพย์ 2.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัทวงษ์สยาม อยู่ในซอยพหลโยธิน 8 มีสินทรัพย์ 1,615 ล้านบาท

“เรื่องนี้ต้องนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจล้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธานอีอีซี หนีไม่พ้น เพราะนายกรัฐมนตรี จะมาออกตัวว่า มีหน้าที่แค่กำกับดูแล และกำลังสื่อสารว่า ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง  ผมได้เตือนแล้ว และท่านไม่ทำอะไร ไม่ได้แต่ปัญหา ท่านก็จะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผิดมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา” นายยุทธพงศ์ ย้ำ

ขณะที่ นายสันติ ชี้แจงว่า ตนไม่สนใจบริษัทใหญ่ หน้าตาดี เพราะโกงเยอะแยะไป คนยากจน ซื่อสัตย์สุจริต เต็มแผ่นดิน ขอให้ไปเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ การจะดูบริษัทดูคนแต่ภายนอก ตนไม่เชื่อถือ ส่วนที่อ้างถึงนายกรัฐมนตรี ตนเข้าใจ นายกรัฐมนตรีได้เชิญตนไปถาม และตรวจสอบ  นายกรัฐมนตรีจึงแจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง จึงได้ตั้งกรรมการตรวจสอบความโปร่งใสแล้ว

“ผลประโยชน์ที่หายไป ขอให้องค์กรตรวจสอบเต็มที่ ส่วนผลประโยชน์ที่ได้เพิ่มมากขึ้นต้องตรวจสอบว่า ทำตามกฎหมายขั้นตอนถูกต้องหรือไม่ หากถูกต้องแล้วข้าราชการก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงต้องเดินหน้าเพื่อให้รัฐได้ประโยชน์ ส่วนที่บอกว่า ทำแบบอื่นจะได้ประโยชน์มากกว่า ทีแรกบอกท่านว่า ทำไมไม่ช่วยอีสวอเตอร์ ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ พอผมบอกว่า อีสวอเตอร์ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ กลับแถไปเรื่องอื่น การเป็นผู้แทนฯ ต้องซื่อสัตย์ต่อประชาชน” นายสันติ กล่าว

จากนั้น นายยุทธพงศ์  ลุกชี้แจงพร้อมกับท้าว่า ให้นำตำแหน่งมาเดิมพัน ว่าหากตนแถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทยว่า “อีสวอเตอร์” เป็นรัฐวิสาหกิจ พร้อมจะลาออจากส.ส. แต่หากไม่มีขอให้ นายสันติ ต้องลาออกจากตำแหน่ง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง
รมว.วัฒนธรรม เปิดงานรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเลครั้งที่ 14 ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว กระบี่ เร่งส่งเสริมวิถีชีวิต วัฒนธรรมชาวเล
ป้าย สุดเจ๋ง "รับซื้อบ้านผีสิง" เจ้าของป้ายรับซื้อจริง มารีโนเวทขาย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น