"วัคซีนฝีดาษลิง" JYNNEOS วัคซีนน้องใหม่ สัญชาติเดนมาร์ก รับรองโดย FDA สหรัฐฯ ผลลัพธ์ดีกว่าปลูกฝีแบบเดิม 2 เท่า
ข่าวที่น่าสนใจ
“วัคซีนฝีดาษลิง” เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมธิการสาธารณสุข วุฒิสภา เผยข่าวดี ผ่าน Facebook ส่วนตัว โดยระบุว่า ข่าวดี !! มีวัคซีนป้องกันฝีดาษลิงได้ เป็นของเดนมาร์ก รับรองโดย FDA สหรัฐฯ ดีกว่าปลูกฝีแบบเดิม 2 เท่า
หลังจากที่ทั่วโลกได้ตระหนักร่วมกันว่า ฝีดาษลิง (Monkeypox) โดยได้ระบาดไปแล้ว 18 ประเทศ ทั้งในทวีปยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียนั้น ทราบกันดีว่า เกิดจากไวรัสในกลุ่ม Orthopoxvirus ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับ ฝีดาษในคนหรือไข้ทรพิษ (Smallpox) แต่เป็นไวรัสคนละชนิดกัน จึงถือว่าเป็นคนละโรค แต่มีอาการใกล้เคียงกัน
ทำให้มีการติดตามข้อมูลว่า วัคซีนป้องกันฝีดาษในคน จะสามารถป้องกันฝีดาษลิงได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีคำตอบออกมาค่อนข้างชัดว่า วัคซีนป้องกันฝีดาษคน สามารถป้องกันฝีดาษลิงได้ราว 85% และจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า นอกจากวัคซีนเก่า (ACAM2000) ที่เคยใช้ได้ผลดีเมื่อหลายสิบปีก่อน โดยวิธีการที่เรียกว่า ปลูกฝี นั้น (หยดวัคซีนหรือหนองฝีลงไป แล้วสะกิด)
พบว่ามีวัคซีนชนิดใหม่ ที่ไม่ใช่การหยดแล้วสะกิด แต่เป็นการฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) ไม่ใช่การฉีดเข้าชั้นผิวหนัง (Intradermal) ที่ผลิตสำเร็จและใช้อยู่ก่อนแล้ว เป็นของบริษัทเดนมาร์ก และได้รับการรับรองจากอย.สหรัฐอเมริกา (USFDA)
เราลองมาทำความรู้จักกับวัคซีนที่เป็นความหวังในการป้องกันฝีดาษลิงกัน ดังนี้
- วัคซีนนี้มีชื่อทางการค้าว่า JYNNEOS
- ผลิตโดยบริษัท Bavarian Nordic A/S ของเดนมาร์ก
- เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น ผลิตจากไวรัสสายพันธุ์ใกล้เคียงกับฝีดาษคนชื่อ MVA-BN : Modified Vaccinia Ankara-Bavarian Nordic
- ขั้นตอนการผลิต เลี้ยงไวรัสในเซลล์ไข่ไก่ฟัก (CEF : Chicken Embryo Fibroblast)
- ฉีด 2 เข็ม เข้าชั้นใต้ผิวหนัง ห่างกัน 28 วัน
- ขนาดที่ฉีด 0.5 CC
- ฉีดในคนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
- ผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือ แดง เจ็บบริเวณที่ฉีด มีอาการร้อน คัน และอาจปวดเมื่อยได้
- วัคซีนได้ผลดี กระตุ้นทั้งระบบน้ำเหลือง (Humoral) และระบบเซลล์ (Cellular)
- ป้องกันได้ทั้งโรคฝีดาษคนและฝีดาษลิง
- กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าวัคซีนแบบเดิมถึงสองเท่า คือ 152.8 GMT(PRNT) เทียบกับของเดิม 84.4 GMT
ที่น่าสนใจ คือ การปลูกฝีแบบเดิม ซึ่งทำมาหลายสิบปีแล้วนั้น พบว่าภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานนับสิบปี โดยมีค่าครึ่งอายุนานถึง 92 ปี ส่วนวัคซีนใหม่นี้ กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่า แต่เป็นวัคซีนใหม่จึงต้องศึกษาต่อไปว่า ภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้นานเพียงใด
นับเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ติดตามเรื่องฝีดาษลิงว่า อย่างน้อยเรามีวัคซีนอยู่ในมือมนุษยชาติ พร้อมที่จะผลิตและนำมาใช้ทันที แตกต่างกับสมัยที่มีโควิดระบาด ตอนนั้นต้องรอนานนับปี จึงจะมีวัคซีนใช้ ทำให้โรคแพร่ระบาดออกไปกว้างขวางมาก ประเทศไทยเราเอง ควรเร่งติดต่อและทำการสั่งซื้อวัคซีนทั้งแบบชนิดเก่าและชนิดใหม่ มาสำรองในจำนวนที่เหมาะสม สำหรับการรับมือถ้าเกิดมีการระบาดในช่วงแรก
ข้อมูล : Chalermchai Boonyaleepun
ข่าวที่เกี่ยวข้อง