โดย โรคติดเชื้อที่พบบ่อยจากสัตว์เลี้ยง ได้แก่
- โรคท้องเสียจากเชื้อแบคทีเรีย
มีเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดสามารถติดต่อจากสุนัข หรือแมวมายังคนได้ที่พบบ่อยเช่น เชื้อ campylobacter เชื้อ salmonella การติดเชื้อเกิดจากการที่คนไปสัมผัสกับมูลของสัตว์แล้วไม่ได้ล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบอาหารเข้าปาก อาการที่พบคืออาจมีไข้ปวดท้อง ถ่ายเหลว รวมถึง อาจถ่ายเป็นมูกเลือดได้ในผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันปกติมักจะหายเองได้การรักษาเป็นเพียงการรักษาแบบประคับประคองให้น้ำ และเกลือแร่ให้เพียงพอ ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือในเด็กเล็ก อาจมีอาการรุนแรงได้ เช่นมีการติดเชื้อในกระแสเลือด แล้วไปมีการติดเชื้อตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น เชื้อ salmonella อาจทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือการติด เชื้อในข้อ หรือในกระดูก
โรคนี้นับเป็นโรคที่ร้ายแรงมาก เพราะถ้าคนเป็นมีโอกาสเสียชีวิตเกือบ 100% โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส rabies คนสามารถติดเชื้อโดยถูกสัตว์กัด หรือถูกสัตว์เลียที่บริเวณเยื่อเมือกหรือบริเวณแผลเปิด โดยเชื้อไวรัสนี้พบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด ซึ่งหมายความว่า พบได้ในสุนัขแมว หนูค้างคาว ฯลฯ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อจะมีอาการกลืนไม่ได้ มีน้ำลายไหลมาก กลัวแสง กระสับกระส่าย มีพฤติกรรมก้าวร้าว แล้วซึมลงในที่สุด การป้องกันโรคนี้ทำได้โด
1. พาสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำ
2. หากถูกสัตว์กัด ควรรีบล้างแผลด้วยน้ำสบู่อย่างน้อย 15 นาที แล้วรีบฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงรับอิมมูนโกลบูลิน
3. ถ้าสังเกตอาการของสุนัข หรือแมวที่กัดได้ ควรสังเกตอย่างน้อย 10 วัน ถ้าภายใน 10 วัน สัตว์เสียชีวิต ควรติดต่อทางสถานเสาวภา เพื่อนำสัตว์ไปตรวจว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่
เชื้อพยาธิของสุนัขหรือแมวอาจมาติดคนได้โดยไข่ของพยาธิปนเปื้อนมากับมูลของสัตว์เหล่านี้ แล้วคนติดโดยการกินไข่ของพยาธิเข้าไป อาการที่พบคือตัว พยาธิจะไชไปตามที่ต่าง ๆ เช่นที่ผิวหนังก็จะทำให้เกิด อาการคัน อาจไปที่ทางเดินหายใจ ทำให้มีอาการ ไอ หอบเป็นต้น ถ้าไปที่ตา ก็จะทำให้การมองเห็นผิดปกติได้
เชื้อราของสัตว์ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังและขน ซึ่งติดมายังคนได้ถ้าไปสัมผัสกับผิวหนังของสัตว์ที่ติดเชื้อทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังที่เรียกว่าโรคกลาก ลักษณะเป็นวงแดง ๆ และคัน เชื้อรานี้อาจพบได้ในผิวของสุนัข แมว หรือกระต่าย
- โรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis)
โรคนี้เกิดจากเชื้อปรสิตชื่อว่า Toxoplasma โดยปกติจะพบเชื้อนี้ในอุจจาระของแมว คนติดเชื้อนี้จากแมวโดยไปสัมผัสมูลของแมวแล้วไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบอาหารเข้าปาก หรือเชื้อจากมูลของแมวไปปนเปื้อนในดินและในผักที่รับประทาน ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติอาจไม่มีอาการ หรือมีอาการไข้ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตแล้วหายเอง ในผู้ที่มีภูมิคุ้มกัน ต่ำ อาจทำให้มีอาการปอดอักเสบ ที่สำคัญคือมีการติดเชื้อในสมองทำให้มีอาการอ่อนแรงของแขนขาได้
ในหญิงตั้งครรภ์ถ้าติดเชื้อนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะทำให้ทารกในครรภ์ติดเชื้อนี้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้ ซึ่งอาจแท้งได้ ทารกที่เกิดมาอาจมีความพิการแต่กำเนิด เช่น มีการอักเสบของจอประสาทตา มีศีรษะเล็ก มีอาการชัก มีตับ ม้ามโต เป็นต้น ทารกบางคนที่ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการตอนแรกเกิด แต่มามีอาการในวัยเด็ก เช่น มีอาการชัก พัฒนาการช้า ตาบอด เป็นต้น ดังนั้นจึงมีการแนะนำว่าหญิงตั้งครรภ์ ไม่ควรไปสัมผัสมูลของแมว
- โรคซิตาโคซิส (Psittacosis)
เป็นโรคที่ติดจากนกที่เลี้ยง เช่น นกแก้ว นกพาราคีท โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียกลุ่มที่เรียกว่า คลามัยเดีย (Chlamydia psittaci) เชื้ออาจพบในมูลของนก ตามขนของนก แล้วคนหายใจเอาเชื้อนี้เข้าไป อาการของโรคจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ คือมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว ไอแห้ง ๆ เจ็บหน้าอก มีอาการของปอดอักเสบ เป็นต้น
- โรคฉี่หนู (Leptospirosis)
โรคนี้ตามชื่อเกิดจากการสัมผัสปัสสาวะของหนู เช่น ไปย่ำน้ำที่มีการปนเปื้อนของปัสสาวะหนู แต่พบว่าสามารถพบในปัสสาวะสุนัขได้เช่นกัน เชื้อนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียกลุ่มเลปโตสไปรา (leptospira) อาการที่เกิดคือมีไข้สูง ปวดน่อง ตาแดง ในรายที่อาการรุนแรงอาจมีภาวะไตวาย ตับอักเสบ และไอเป็นเลือดได้