“อนุชา” เผยผลสอบ “หมอปลา”บุกวัด มีความผิด สั่งพศ.เอาผิด

“อนุชา นาคาศัย” เผยผลสอบหมอปลาพร้อมคณะ มีความผิดกรณีบุกวัดอ้างตรวจสอบพฤติกรรมพระพิกษุ สั่งการ พศ. เดินหน้าเอาผิดตามกฎหมาย

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ “หมอปลา” กับพวกนําคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่วัดต่าง ๆ อ้างว่าเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระภิกษุ โดยนำคณะเข้าบุกรุกวัด ที่พักสงฆ์ และกุฏิที่อยู่อาศัยหลายพื้นที่ ว่า จากการหารือของคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม พบว่าการกระทำดังกล่าวละเมิดข้อกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง และมติที่เกี่ยวข้องหลายข้อ ดังนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2560 ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529 และข้อบังคับสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ พ.ศ.2553

ข่าวที่น่าสนใจ

ในส่วนของการดำเนินการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ การลงโทษพระภิกษุสงฆ์กรณีที่ละเมิดพระธรรมวินัย เป็นไปตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 หลักเกณฑ์การลงนิคหกรรมนั้นต้องเป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 11 ออกตามความมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน ซึ่งตามกฎมหาเถรสมาคม ผู้มีอำนาจ คือ ผู้พิจารณากับคณะผู้พิจารณาชั้นต้น คณะผู้พิจารณาชั้นอุทธรณ์และคณะผู้พิจารณาชั้นฎีกา ซึ่งเป็นตำแหน่งพระสังฆาธิการทั้งหมด ผู้ที่ไม่ใช่บุคคลดังกล่าวไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบพระภิกษุได้ การกระทำของหมอปลาและพวกจึงไม่เหมาะสม และส่งผลให้พระภิกษุไม่ได้รับความเป็นธรรม

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กำชับและสั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบและติดตามอย่างใกล้ชิด โดยย้ำให้ประสานความร่วมมือกับพระสังฆาธิการในพื้นที่ปกครอง สอดส่อง ดูแลผู้ที่มีความประพฤติไม่เหมาะสมดังเช่นกรณีดังกล่าว เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีที่คิดร้ายต่อพระพุทธศาสนา ในส่วนของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของคณะสงฆ์ เป็นอำนาจตามกฎมหาเถรสมาคมที่จะพิจารณาความผิดและบทลงโทษ การที่ฆราวาสจะเข้าไปก้าวก่ายและเอาผิดเรื่องของสงฆ์ไม่สามารถทำได้ ซึ่งสิ่งนี้ถือปฏิบัติมากว่า 2,500 ปีแล้ว การกระทำของหมอปลาและพวกจึงถือเป็นการทำให้พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาหลักของชาติเสื่อมเสีย และไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง หากพุทธศาสนิกชนท่านใดพบเห็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว ขอให้รีบแจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“พาณิชย์” ชี้เป้าผู้ส่งออก ขายสินค้าเสริมความงามจีน แนะเน้นกลุ่มธรรมชาติ
“พาณิชย์” ชี้เป้าผู้ประกอบการไทยลงทุน ทำการค้า ร่วมมืออาหารฮาลาลกับมาเลเซีย
ตั้งกรรมการสอบ 2 สห. นำขบวน "ไฮโซเก๊" รับสารภาพแล้วถูกจ้างไป อ้างดัดแปลงรถ ไม่ใช่ของหลวง
"ไฮโซเก๊" โดนแฉอีก มีรถนำขบวน แต่ขากลับนั่งวิน พบประวัติสุดฉาว คดีติดตัวเพียบ
จนท.พบเพิ่ม 4 ผู้สูญหาย ใต้ซากตึก สตง.โซน C เตรียมนำเครนยกแผ่นปูนเปิดทาง
จนท.ดีเอสไอ คุมตัวโบรกเกอร์แก๊ง “หมอบุญ” สอบเข้ม คาดส่งฟ้องในสัปดาห์นี้
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) รถบรรทุกหนักไร้คนขับของจีนทดสอบวิ่งในซินเจียง
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน)\ หมอกขาวห่มแสงอรุณส่อง 'ภูเขาอูเหมิง' ในยูนนาน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนขุดพบ 'ภาพวาดในเปลือกหอย' เก่าแก่ 2,000 ปี
“นายกฯ อิ๊งค์” บี้ผลสอบข้อเท็จจริงตึก สตง.ถล่ม ลั่นต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น