"ฝีดาษลิง" สงสัยฉีดวัคซีนไข้ทรพิษหรือยัง รีบดูแขนตัวเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เหมือนกับเป็นการนับวันรอปะทุ ควรต้องเริ่มฉีดกันใหม่อีกครั้งหรือไม่
ข่าวที่น่าสนใจ
หมอธีระวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ฝีดาษ ลิง เรื่องปกติหรือต้องเครียด ? ระบุ ฝีดาษลิง น่าจะมีมาเนิ่นนานแล้วจนกระทั่งไปพบในลิงในศูนย์สัตว์ทดลอง ในปี 1958 และที่พิสูจน์ในมนุษย์คือในปี 1970 ที่ คองโก และมีการระบาดเป็นระยะ ในประเทศแอฟริกาทวีป (Benin, Cameroon, the Central African Republic, the Democratic Republic of the Congo, Gabon, Ghana พบในสัตว์, Ivory Coast, Liberia, Nigeria, the Republic of the Congo, Sierra Leone, and South Sudan) แต่ก็สงบไปเอง
แต่การระบาดดูเหมือนว่าจะหนาตามากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเช่นในปี 2020 องค์การอนามัยโลกได้รายงานว่ามีผู้ที่น่าจะติดเชื้อฝีดาษ ลิง ในอัฟริกา 4594 ราย และเสียชีวิต 171 ราย (สัดส่วนการเสียชีวิต case fatality ratio 3.7%) โดยที่สายพันธุ์ฝีดาษ ลิง สายพันธุ์แอฟริกันตะวันตก จะมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์แอฟริกันกลาง
การระบาดที่หนาตาชึ้น เกิดพร้อมกับคนในประเทศต้นตอ เดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ และเกิดการติดเชื้อตามมา แต่ยังเกิดในลักษณะเป็นกระจุกเล็ก ๆ และสามารถสืบสาวไปถึงต้นตอในรายแรกได้ เหตุการณ์ในลักษณะนี้มีมาอยู่บ้าง ในปี 2018 และ 2019 ที่พบคนที่ติดเชื้อฝีดาษ ลิง จากไนจีเรียที่เดินทางไปประเทศอังกฤษและสิงคโปร์
ที่สำคัญที่กลัวกันก็คือ ลักษณะดังกล่าวแสดงถึงการแปรผันของไวรัสหรือไม่ แต่ก็ยังไม่พบหลักฐานใดที่ชี้บ่งว่ามีการปรับสายพันธุ์ และอาการของโรคก็ไม่ได้รุนแรง โดยที่มีการดูแลรักษาอย่างดี
ทั้งนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไปโดยที่ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2022 ที่มีการพบฝีดาษ ลิง ในรายแรกที่ประเทศอังกฤษ และเกี่ยวโยงกับการเดินทางมาจากประเทศต้นตอ แต่ในรายต่อมา ไม่พบประวัติการเดินทางหรือแม้แต่การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่กลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงว่าน่าจะมีการกระจายในชุมชนโดยที่ไม่สามารถสืบเสาะหาต้นตอได้ชัดเจนแล้ว และเกิดขึ้นในมากกว่า 15 ประเทศในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ภายในเดือนพฤษภาคมในสามทวีป
ลักษณะของผื่น ตุ่มน้ำใส และตุ่มหนอง และที่แบนราบ รวมทั้งที่อยู่ใต้เล็บ ที่พบในคนติดเชื้อเจ็ดรายในประเทศอังกฤษในปี 2018 และ 2019 โดยเดินทางจากประเทศไนจีเรียสี่รายและมีการแพร่ไปยังคนในประเทศอังกฤษต่ออีกสามราย
และน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เริ่มเห็นการแพร่จากคนสู่คนได้ชัดเจน ทั้งนี้ รายงานผู้ป่วยเจ็ดราย และรูปภาพทั้งหมดปรากฏในวารสาร Lancet Infectious Disease (24/5/2022) บทความนี้เข้าอ่านแบบ open access
การสืบหาต้นตอของการแพร่กระจายดูจะเชื่อมโยงไปกับงานฉลองเทศกาล pride ที่เกาะ canary และสถานซาวนา ใกล้กรุงมาดริด ซึ่งค่อนข้างจำเพาะสำหรับคนที่รักเพศเดียวกัน หรือทั้งสองเพศ (gay homosexual bisexual) ซึ่งอาจมีการสัมผัสใกล้ชิดกันรวมทั้งการมีเพศสัมพันธ์ และจากนั้นคนที่ร่วมอยู่ในเทศกาลเดินทางกลับถิ่นฐานของประเทศตัวเอง และนำไปสู่การแพร่กระจายในประเทศต่าง ๆ และทั้งนี้ เป็นการแถลงจากทางการของประเทศสเปน และผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก แต่แน่นอนการกระจายในระดับต่อไปเป็นการแพร่จากการสัมผัส ใกล้ชิด ละอองฝอยจากการพูด ไอ จาม เพศสัมพันธ์ ทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศ การสัมผัสกับน้ำในตุ่มหนองที่ผิวหนัง และการใช้เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม นอนในที่นอน เดียวกันที่มีไวรัสตกค้างอยู่
ปัญหาที่สำคัญก็คือ ทำไมการแพร่กระจายในลักษณะดังกล่าวไม่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และอาจอธิบายไม่ได้จากตัวไวรัสเอง ทั้งนี้ เนื่องจากไวรัสของคนติดเชื้อในประเทศโปรตุเกสในปี 2022 ไม่ได้มีลักษณะแตกต่างจากที่พบในปี 2018 และ 2019 แต่ยังเป็นโชคดีที่ความรุนแรงของโรคไม่ได้มากมายและยังไม่พบผู้เสียชีวิต
สมมติฐานที่น่าจะมีความเป็นไปได้สูงสุดก็คือ ฝีดาษ ลิง เตรียมพร้อมที่จะมีการปะทุขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ เนื่องจากประชาชนในทุกประเทศทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษหรือฝีดาษซึ่งสามารถมีภูมิคุ้มกันข้ามไปยังฝีดาษ ลิง ได้อย่างน้อยถึง 85%
แต่การฉีดวัคซีนไข้ทรพิษได้มีการยุติลงในปี 2523 ทั้งนี้ เนื่องจากถือว่าไข้ทรพิษได้สูญไปจากโลกแล้ว ดังนั้น คนที่เกิดก่อนปี 2523 ในประเทศไทย ซึ่งน่าจะมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป น่าจะยังมีภูมิคุ้มกันฝีดาษ ลิง อยู่ได้ แต่ไม่ทั้งหมด
ทั้งนี้ เมื่ออ้างอิงตามหลักฐานที่มีการศึกษารายงานในวารสารนิวอิงแลนด์ในปี 2007 ศูนย์สัตว์จำพวกลิงในรัฐโอเรกอนของประเทศสหรัฐ โดยเป็นการศึกษาระยะยาวในเจ้าหน้าที่ 45 คน และทำการติดตามภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนไปยาวเฉลี่ย 15 ปีหรือนานกว่า พบว่า 60% ยังคงมีภูมิคุ้มกันต่อฝีดาษ ลิง ได้ หลังจากที่ฉีด วัคซีนไข้ทรพิษแล้ว
โดยที่ประเมินว่า ภูมิที่ยังเหลืออยู่นั้น ควรจะมีระยะเวลาที่ใช้ได้อยู่ถึง 90 ปี จากการดูหลักฐานในเซลล์ความจำระบบ B cell และระดับของภูมิในน้ำเหลือง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะสามารถยืนยาวได้ทั้งหมดทุกคนที่มีภูมิคุ้มกันหลงเหลืออยู่ ทั้งนี้ เนื่องจากประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันในร่างกายจะถดถอยลงเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น
ข้อมูลในประเทศอังกฤษ ฝีดาษลิง ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 26 พฤษภาคม พบ 101 ราย รวมกับสกอตแลนด์เวลและไอร์แลนด์เหนือจะเป็น 106 ราย ข้อมูล และ รูป จาก UK health security agency
สถานะภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ที่ได้รับจากวัคซีนไข้ทรพิษ ทั้งใน แอฟริกา และทั้งโลก น่าจะเริ่มเสื่อมโทรมไป นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันปาสเตอร์ได้ทำแบบจำลองคณิตศาสตร์ รายงานใน bulletin ของ องค์การอนามัยโลกในปี 2020 และได้ข้อสรุป และตั้งข้อสังเกตว่าฝีดาษ ลิง จะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ แปรตาม สัดส่วนของภาวะภูมิคุ้มกันที่เริ่มลดลงในประชากรในประเทศแอฟริกา เช่น คองโก หลังจากที่หยุดการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันข้ามไปยังฝีดาษ ลิง ได้ และเริ่มเห็นการระบาด หนาตาขึ้นเรื่อย ๆ
“และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเหมือนกับเป็นการนับวันรอปะทุ โดยที่ความสามารถในการแพร่จากคนหนึ่งไปสู่คนอื่นที่เดิมน้อยกว่าหนึ่ง ประมาณ 0.7 – 0.8 นั่นคือ คนติดเชื้อหนึ่งคน สามารถแพร่ต่อไปหาคนอื่นได้น้อยมาก แต่อาจจะสูงขึ้น เป็นมากกว่าหนึ่ง และนั่น หมายถึง การระบาดแพร่กระจายจะไม่จบสิ้นในเวลาอันรวดเร็ว (sustained transmission)”
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง หมายความว่า การฉีดวัคซีนกันฝีดาษไข้ทรพิษที่หวังผลต่อไข้ฝีดาษลิง ต้องเริ่มใหม่อีกครั้งหรือไม่ทั้งโลก ?
ใครที่สงสัยตัวเองว่าได้รับวัคซีนฝีดาษหรือยัง ซึ่งสามารถคุ้มกันข้ามไปยังฝีดาษ ลิง ได้ ดูรูปนี้นะครับ เพราะที่เห็น นูน ๆ ตุ่มบน เป็นวัคซีนกันวัณโรคบีซีจี ส่วนที่เห็นด้านล่างราบ ๆ เป็นวัคซีนไข้ทรพิษ ตามข้อมูลในประเทศไทย หยุดฉีดวัคซีนไข้ทรพิษฝีดาษในปี 2523 แต่พบว่าในปี 2527 ยังมีหลายคนที่ได้รับการฉีดในประเทศไทยโดยเฉพาะในพื้นที่ ที่ไม่ใช่จังหวัดกรุงเทพฯ รีบดูแขนตัวเองนะครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง