วันนี้ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ที่จำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ 6 ยุทธศาสตร์ว่า เมื่อพิจารณาดูแล้วพบว่า ยุทธศาสตร์ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงสุดคือ ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 759,861.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.9
“องอาจ” ติงร่างพ.ร.บ.งบ 66 รัฐจัดสรรงบไม่ให้ความสำคัญผู้สูงวัย สวนทางตัวเลขผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นทุกปี
ข่าวที่น่าสนใจ
โดยเน้นไปที่แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 304,356.1 ล้านบาท รองลงมาคือ แผนงานยุทธศาสตร์สร้างหลักประกันทางสังคม จำนวน 269,465.2 ล้านบาท และแผนงานยุทธศาสตร์สร้างความเสมอภาคทางการศึกษา จำนวน 81,269.0 ล้านบาท ในขณะที่แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ซึ่งเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์นี้ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 1,906.4 ล้านบาท รวมถึงแผนงานบูรณาการพัฒนา และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากได้งบประมาณ จำนวน 1,474.3 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามนายองอาจ เห็นว่า ส่วนที่ได้รับงบประมาณน้อยที่สุดในยุทธศาสตร์นี้คือ แผนงานบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ได้รับเพียง 448.7 ล้านบาท เมื่อดูจากตัวเลขการจัดสรรงบประมาณ แสดงให้เห็นว่าภาครัฐยังไม่เห็นความสำคัญที่จะดูแลสังคมสูงวัยมากเท่าที่ควร ทั้งที่ความจริงแล้ว ภาครัฐควรเห็นความสำคัญมากกว่านี้ เพราะตัวเลขผู้สูงวัยมีจำนวนมากขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะผู้สูงวัยในสังคมชนบทที่มีฐานะทางเศรษฐกิจไม่เข้มแข็ง ภาครัฐควรเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพื่อให้ผู้สูงวัยจำนวนมากในชนบทสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีคุณภาพ
เนื่องจากลูกหลานต้องเข้าไปดิ้นรนต่อสู้แสวงหาโอกาสของชีวิตในสังคมเมืองทำให้ไม่สามารถดูแลบุพการี ปู่ย่าตายาย ที่อยู่ในสังคมชนบทได้มากนัก การดูแลรองรับผู้สูงวัยจากภาครัฐจึงเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะยิ่งสูงวัยมากเท่าไหร่ก็ยิ่งช่วยเหลือตัวเองได้ยากมากขึ้นเท่านั้น จึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐจัดสรรงบประมาณโดยคำนึงถึงผู้สูงวัยที่มากขึ้น บนพื้นฐานของการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-