ย้อนผิดอาญา ม. 112   เตือนสติเหลาปัญญา…..ชัชชาติ

ล้อมขบวนเสด็จ “พระราชินี-พระองค์ที” ตะโกนด่าใช้วาจาหยาบคาย   ประกาศ 10 บัญญัติปฏิรูปสถาบันแท้จริงทุกข้อล้วนล้มล้าง ปลุกม็อบบุกสถานทูตเยอรมันกล่าวหาด้อยค่าในหลวง  จุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์   ขึ้นเวทีปราศรัยด่าชั่วช้า โพสต์ข้อมูลกล่าวหาหยาบโลน สร้างคอนเทนต์ล้อเลียนคนพิการหวังกระทบพระบรมวงศานุงวงศ์  เรื่องจริงที่ชัชชาติไม่เคยเอามาพูดไม่เคยสนใจ   กฎหมายปกป้องประมุขคุ้มครองสถาบันทุกประเทศล้วนมี  เอาใจคนผิดสนับสนุนคนชั่วแบบส่งเดช   พูดเอามันส์ระวังพังตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน    

กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองขึ้นมาทันที  หลังวานนี้ 29 พ.ค. 2565  ช่วงเย็น ชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ว่าที่ผู้ว่าฯกทม. ไปแสดงความคิดเห็นเรื่องการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  ในเวทีเสวนา  “TALK TALK เรื่องเล่า หลังกรงขัง”  ณ สวนครูองุ่น ทองหล่อ ซอย  3  ระหว่างการจัดกิจกรรมตลาด(นัด)ราษฎร​  ที่งานนี้มีแกนนำกลุ่มล้มเจ้าไปรวมงานหลายคน หนึ่งในนั้นคือ  “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่นอกจากไปร่วมกิจกรรมแล้ว งานนี้รุ้งยังได้ถือโอกาสสอบถามความเห็นของชัชชาติถึงการยกเลิก ม. 112   ที่คำตอบของว่าที่ผู้ว่าฯกทม.นี้แหละที่ทำให้กลายเป็นประเด็นร้อนในตอนนี้   โดยชัชชาติตอบคำถามของรุ้งว่า

“ พูดเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ 112 นะ  แต่ผมคิดว่าอย่าเอามาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือในการสร้างความแตกแยก จริง ๆ แล้วมันมีมานานแล้ว ผมมองในแง่ผู้บริหาร การบริหารมันต้องมีความละมุนละม่อมในระดับนึง มันต้องมีวิธีการในการค่อย ๆ ปรับ ถ้าเราบอกว่าจะยกเลิก มาตรา 112  มันจะไปอีกขั้วนึง ฉะนั้นเริ่มจากการไม่เอา มาตรา 112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เริ่มตรงนี้ก่อน แล้วเดี๋ยวมันจะค่อย ๆ พัฒนาไป เราเป็นผู้บริหารมันต้องมีวิธีในการสื่อสาร  อย่างผมก็อดทนมา 8 ปี ตั้งแต่ปฏิวัติมา แต่เราต้องมี strategy  มียุทธศาสตร์ในการเดิน อันนี้อาจไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ ภาษาอังกฤษว่า The revenge is best when served cold การแก้แค้นหรือแก้ปัญหามันจะดีที่สุดเมื่อตอนมันเย็นแล้ว อย่าไปเอาความโกรธความแค้นมาทำ การกำหนด strategy ในการเดิน  มียุทธศาสตร์ในการเดิน แล้วเวลาก็อยู่ข้างพวกเราแล้ว ผมว่าเรื่อง 112 นาทีนี้คุณบอกให้ยกเลิก ในความเป็นจริงไม่ง่าย แต่ขออย่าเอามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เริ่มประเด็นนี้ก่อนดีมั้ย แล้วเดี๋ยวมันก็เป็นสเต็ปต่อไปโอเคนะ ” ชัชชาติกล่าว

เท่านั้นแหละเลยกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองขึ้นมาทันที อย่าลืมว่าชัชชาติเพิ่งชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์การเลือกตั้งกรุงเทพฯ ด้วยคะแนน 1,386,215 คะแนน  แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง  อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชัชชาติแสดงความเห็นเรื่อง 112 ออกไปต้องบอกว่าสุ่มเสี่ยงมาก  โดยเฉพาะประโยคที่ระบุว่า  “การไม่เอา ม. 112 มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง” คนไทยหัวใจชาติคนไทยที่เทิดทูนสถาบัน  ได้ยินเรื่องนี้จากปากชัชชาติแล้วรู้สึกตะหงิด อยากถามกลับชัชชาติจริงๆว่า “ใคร” เอากฎหมายตัวนี้ไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง สถาบัน พล.อ.ประยุทธ์ รัฐบาล ทหาร หรือตำรวจ ชัชชาติต้องพูดเรื่องนี้ให้ชัด อย่าพูดเอาหล่ออย่าพูดเอามันส์ อย่าแวะไปพูดกับเด็กอย่าไปเรียกเรตติ้งกับพวกกลุ่มคนล้มเจ้าด้วยประโยคลอยๆ ตีกินหาเสียงเอาใจเด็กไปเรื่อยแบบนี้  อย่าลืมว่า 1.38 ล้านเสียงที่เลือกคุณไปเป็นผู้ว่าฯกทม.บริหารเสาชิงช้า ผลสำรวจส่วนใหญ่เขาชอบที่คุณประกาศตัวอิสระเขาชื่นชมที่คุณไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด จู่ๆพอชนะการเลือกตั้งเสร็จแล้วคุณไปพูดแบบนี้ไปแสดงความคิดเห็นทำนองนี้  ถามว่าคนที่เลือกคุณแต่เขารักสถาบันเขาไม่อยากให้คุณไปหมกมุ่นกับพวกสุดโต่งแบบนี้เขาจะรู้สึกอย่างไร  ถ้าคุณอยากพูดเรื่องนี้จริงๆอยากแสดงความคิดเห็นพรรค์นี้จริงๆ ทำไมไม่แสดงออกให้ชัดๆก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ก่อนเข้าคูหากากบาทวันวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาให้ชัดๆไปเลย ว่าคิดแบบนี้อยากทำแบบนี้  คนกรุงฯจะได้รู้เช่นเห็นชาติก่อนตัดสินใจลงคะแนน

การสื่อสารของชัชชาติมันชัดเจนว่าให้ท้ายพวกล้มเจ้าเอาใจพวกล้มล้างสถาบัน  ไม่ว่าจะด้วยเพราะพวกนี้เป็นกลุ่มที่สนับสนุนตัวเองหรือเพราะลึกๆในใจเห็นด้วยกับเรื่องนี้  แต่เวลานี้ชัชชาติกำลังจะเป็นผู้ว่าฯของคนกทม.ราวๆ 4.5 ล้านคน   ไม่รู้หรือว่าเรื่องการยกเลิก ม.112 มันอ่อนไหว มันเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายในการปกป้องสถาบันเอาผิดคนก้าวล่วงเจ้านาย  ที่ผ่านมาการลงโทษเอาผิดคนที่ละเมิดสถาบันด้วย ม.112 พวกที่ถูกตั้งข้อหานี้ก็ล้วนแต่กระทำความผิดต่อเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน  หนักหน่วงรุนแรงเกินกว่าจะปล่อยไว้  ชนิดที่คนไทยเกิดจากท้องพ่อท้องแม่ก็ไม่เคยพบเห็น ยุคไหนสมัยใดที่คนก้าวล่วงหลบหลู่พระเจ้าอยู่หัว พระราชินี รัชทายาท รวมถึงบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงด้วยคำพูดและวิธีการใจบาปหยาบช้าเลวชาติถึงเพียงนี้  ชัชชาติอาจกำลังอินกับการเป็นผู้ว่าฯกทม.ประวัติศาสตร์  อาจกำลังหลงระเริงกับการเป็นเซเลปเป็นคนดังเป็นคนป็อปปูล่าร์แบบชั่วข้ามคืน  แต่คะแนนเป็นล้านๆกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน  เชื่อว่าในจำนวน 1.38 ล้านคะแนนที่เลือกชัชชาติ  มีคนจำนวนมากไม่สบายใจไม่เห็นไม่ชอบที่ชัชชาติแสดงออกแบบนี้เพราะเสมือนไปรับลูกพวกล้มเจ้าไปให้ท้ายถึงเวที  ย้อนอดีตพวกที่ทำผิด ม.112 มีคดีเป็นพันๆ มีคนทำผิดหลายร้อยหรืออาจเกินนับพันคน  บอกได้เลยส่วนใหญ่ไม่มีการแกล้งไม่มีการเอากฎหมายมาเป็นเครื่องมือไม่มีการเอาเรื่องนี้มากำจัดคนเห็นต่างมองตรงข้ามกัน  ในประเทศไทยยุคนี้ตอนนี้ที่มีคนบางกลุ่มบิดเบือนล้างสมองคนรุ่นใหม่ว่า เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนมีผู้นำเผด็จการมีรัฐบาลทหารมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย บอกได้เลยว่าแผ่นดินไทยตอนนี้พ.ศ.นี้ (แม่ง) มีประชาธิปไตยแบบสุดๆ  เลยเถิดถึงขนาดด่าในหลวงกันเอิกเกริกคิดปองร้ายราชินีลบหลู่เหยียดหยามเจ้านายชั้นสูงกันอย่างสนุกสนาน

ถ้าชัชชาติตอนนี้ยังหูตึงตาบอด  ลองย้อนอดีตเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นจากความพยายามล้มล้างสถาบันของคนเหล่านี้ อาทิ   10 ส.ค. 2563 แกนนำกลุ่มล้มเจ้า ภายใต้การนำของ รุ้ง ปนัสยา “ไมค์” ภาณุพงศ์  จาดนอก และ  “ทนายอานน์” อานนท์ นำภา  ฯลฯ  ประกาศข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ระหว่างการชุมนุม ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต  ประกาศข้อเรียกร้องทั้งหมดที่ว่าไม่มีข้อไหนเรื่องใดที่จะเป็นการเสริมพระเกรียติเหมือนที่ปากพูดมือเขียนเลยว่าจะ “ปฏิรูป” แต่มันคือการล้มล้างถอดถอนทำลายด้อยค่าสถาบันแบบต่ำช้าเลวทรามที่สุด  10 ข้อที่ว่าประกอบด้วย 1.ยกเลิก ม. 6 ของรัฐธรรมนูญ ที่ว่าผู้ใดจะกล่าวหาฟ้องร้องกษัตริย์มิได้ ให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถพิจารณาความผิดของกษัตริย์ได้   2. ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา ม. 112  เปิดให้ประชาชนใช้เสรีภาพแสดงความคิดเห็นต่อสถาบันกษัตริย์ได้  ออกกฎหมายนิรโทษกรรมผู้ถูกดำเนินคดีเพราะวิพากษ์วิจารณ์สถาบัน   3. ยกเลิกพ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2561ให้แบ่งทรัพย์สินออกเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการคลัง และทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่ของส่วนตัวของกษัตริย์อย่างชัดเจน

4. ตัดลดงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรให้กับสถาบันกษัตริย์ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ 5. ยกเลิกส่วนราชการในพระองค์   เช่น หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ให้ย้ายไปสังกัดหน่วยงานอื่น ยกเลิกคณะองคมนตรี   6. ยกเลิกการบริจาคและรับบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลทั้งหมด  เพื่อกำกับให้การเงินของสถาบันกษัตริย์อยู่ภายใต้การตรวจสอบทั้งหมด  7. ยกเลิกพระราชอำนาจในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะ  8. ยกเลิกการประชาสัมพันธ์และการให้การศึกษาที่เชิดชูสถาบันกษัตริย์แต่เพียงด้านเดียวจนเกินงาม   9. สืบหาความจริงเกี่ยวกับการสังหารเข่นฆ่าราษฎร  ที่วิพากษ์วิจารณ์หรือมีความเกี่ยวข้องใดๆ เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์  และ 10. ห้ามมิให้ลงพระปรมาภิไธยรับรองการรัฐประหารครั้งใดอีก

14 ต.ค. 2563  รุ้ง ไมค์ อานนท์  และ “ไผ่ ดาวดิน” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา แกนนำคณะราษฎร 2563  นัดชุมนุมใน08.00 น. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1. พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออก 2.เปิดประชุมวิสามัญทันที เพื่อรับร่างแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญจากประชาชนทั้งฉบับ และ 3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์  ระหว่างการชุมมวลชนส่วนหนึ่งได้เดินมาที่ทำเนียบรัฐบาล  ก่อนเกิดเหตุการณ์สุดช็อกครั้งแรกในประวัติศาสตร์เหยียบย่ำหัวใจของคนไทย     เมื่อขบวนเสด็จของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี และ พระองค์ทีฯ   ซึ่งอยู่ระหว่างเสด็จไปถวายผ้ากฐินที่วัดราชโอรสฯและวัดอรุณฯ ขณะอยู่ระหว่างเสด็จผ่าน ถนนพิษณุโลกเพื่อข้ามสะพานชมัยมรุเชษฐ์  ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล  ได้ถูกพวกล้มเจ้าและมวลชนจากการชุมนุมกรูเข้าล้อมขบวนเสด็จฯ มีการชู 3 นิ้ว มีการชูนิ้วกลาง และตะโกนด้วยถ้อยคำหยาบคายใส่ขบวนเสด็จ นับเป็นการกระทำอุกอาจหยาบช้าอย่างที่สุดของขบวนการล้มเจ้าชนิดที่คนไทยที่เห็นภาพเหตุการณ์ต่างรับไม่ได้

26 ต.ค. 2563 กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดย มายด์  ภัสราวลี บุกสถานทูตเยอรมนีเรียกร้องให้รัฐบาลเยอรมนี ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับการประทับ การทรงงาน และการเสียภาษีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ  ร.10 ระหว่างบินไปพำนัก ณ  ประเทศเยอรมนี จากนั้น 28 ก.พ.2564  “แอมมี่ เดอะ บอตทอม บูลส์”  หรือ ไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์  แกนนำม็อบราษฎรก่อเหตุวางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าอยู่หัว หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ที่ยกมาทั้งหมดนี้แค่หางอึ่งแค่น้ำจิ้มความชั่วช้าของคนกลุ่มนี้เท่านั้น  ความจริงมีอีกหลายเรื่องหลายเหตุการณ์ที่คนพวกนี้คิดอ่านกระทำการหมิ่นเบื้องสูงด้อยค่าสถาบัน อาทิ ไปชุมนุมระหว่างเสด็จพระราชทานปริญญาให้นิสิต นักศึกษา ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ  แต่งตัวล้อเลียนเจ้านาย  ออกคอนเทนต์โฆษณาดูหมิ่นกระทบกระเทียบคนพิการ ฯลฯ  ความจริงยังมีอีกเป็นพันเป็นหมื่นการกระทำปราศรัยด่าบนเวที เขียนคอมเมนต์โพสต์ข้อมูลในอินเตอร์เนต แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ เป็นต้น เรื่องพวกนี้ชัชชาติไปอยู่ที่ไหนไปทำอะไรเคยรับรู้เคยเอามาพูดบ้างไหม

นับประสาอะไรชาวบ้านคนธรรมดาถูกด่าถูกอาฆาตมาดร้ายถูกดูหมิ่นดูแคลนยังสามารถฟ้องร้องเอาผิดกันได้  นี้ท่านเป็นถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เป็น 3 เสาหลักของประเทศ โดยคนชั่วละเมิดคนใฝ่ต่ำย่ำยีทำไมจะเอาผิดลงโทษไม่ได้    กฎหมายอาญา ม. 112  ก็เขียนระบุไว้ชัด  ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี  ถ้าไม่อคติสุดใจหรือเอียงข้างจนตกโลกก็จะรู้ดีว่าคดี ม.112 ในไทย มันชั่วช้าโคตรเลวจริงๆถึงจะถูกจับถูกดำเนินคดี จู่ๆจะเอากฎหมายตัวนี้ไปกลั่นไปแกล้งใครไม่มีใครเขาบ้าเอาไปทำ พูดตรงๆแมนๆกันหน่อยอย่าบิดจนเบี้ยวอย่าเลี้ยวจนชน    ต่างชาติประเทศพัฒนาเขาก็มีกฎหมายปกป้องดูแลประมุขสูงสุดของประเทศกันทั้งหมด  ยกตัวอย่างให้หายโง่  สเปน  หมิ่นประมากษัตริย์ ราชินี บรรพบุรุษหรือทายาท มีโทษจำคุก 2 ปี  ,  สวีเดน ละเมิดพระมหากษัตริย์ หรือพระราชินี  กรณีไม่ร้ายแรงจำคุก 4 เดือน ถ้าร้ายแรง  จำคุกสูงสุดไม่เกิน 1 ปี  , สวิตเซอร์แลนด์  หมิ่นประมาทประมุขแห่งรัฐ โทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 3 ปี  , รัสเซีย ข่าวปลอมหรือดูหมิ่นประธานาธิบดี นายกฯ และประมุขต่างประเทศ โทษจำคุกสูงสุด 15 วัน และปรับไม่เกิน 30,000 รูเบิล  , อังกฤษ ห้ามจับกุมสถาบันพระมหากษัตริย์ ห้ามจะปรับไหม หรือยึดทรัพย์ส่วนพระองค์ ห้ามนำทรัพย์สินส่วนพระองค์ขายทอดตลาด, มาเลเซีย “สมเด็จพระราชาธิบดี” จะได้รับการปกป้อง ใครจะละเมิดมิได้ และไม่มีอำนาจใดสามารถเอาผิดทางกฎหมายได้

ขณะที่บรูไน การหมิ่นสมเด็จพระราชาธิบดี ถือเป็นอาชญากรรม มีโทษจำคุก 3 ปี   ส่วนภูฏาน  พระมหากษัตริย์ จะถูกกล่าวหา ฟ้องร้องมิได้   ปิดท้ายที่สหรัฐอเมริกา  ประเทศพระบิดาพวกบูชาประชาธิปไตย   การข่มขู่ประธานาธิบดี และข่มขู่เอาชีวิตหรือทำร้ายร่างกายผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับสูงสุด 250,000 ดอลลาร์ฯ  ราว 7.5 ล้านบาท ฯลฯ  อย่าพูดเอาง่ายอย่าไปกลายเป็นควายให้พวกล้มเจ้าหลอก เรื่องพวกนี้ทุกประเทศมีระบุคุ้มครองสถาบันสูงสุดของตัวเองไว้หมด ไม่งั้นก็ด่าเจ้าล้อประมุขมุ่งร้ายประธานาธิบดีกันเพลินไปเลย  ไล่เรียงมาทั้งหมดเพื่อจะบอกชัชชาติท่านกำลังจะได้เป็นผู้ว่าฯกทม.  จากนี้ต้องดำรงค์ความเป็นกลางต้องวางตัวเป็นอิสระให้สมกับที่ท่านประกาศตัว ว่าไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของพรรคไหน ไม่ได้เป็นคนของฝ่ายใด ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯกทม.ของพวกล้มเจ้าล้างสถาบัน สำนึกไว้มากๆว่าท่านมีวันนี้เพราะทุนหลวง  ถึงไปได้ต่อป.โท.ป.เอกที่อเมริกา    ได้ดีเพราะพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้  วันนี้ความคิดเปลี่ยนไปไม่เป็นไรไม่ว่ากัน     แต่อย่าให้ท้ายคนผิดอย่าคิดสนับสนุนพวกทำร้ายสถาบัน   ได้กำลังใจจากคนกรุงเทพล้นหลามเป็นประวัติการณ์ 1.38 ล้านคะแนนแล้ว  ตั้งหลักให้ดีตั้งเป้าให้แม่น เรื่องไหนคือหน้าที่ผู้ว่าฯกทม. เรื่องไหนควรทำเรื่องไหนควรข้าม   ลำพัง 214 นโยบายของท่านไปเร่งทำให้หมดเถอะ พิสูจน์เรื่องที่รับปากหาเสียงกับคนกรุงไว้ก่อน  ทำงานให้หนักพูดให้น้อยลดการพรีเซ้นต์เฟซตัวเองลงให้มากๆ  ที่สำคัญอย่าหาเหาใส่หัวโดยไม่จำเป็น  กกต.ยังไม่ทันรับรองยังไม่รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเลย   พูดจาหาเรื่องใส่ตัวไม่เว้นแต่ละวัน  จับเรื่องร้อนๆพูดแต่เรื่องแรงๆเดินหน้าท้าชนสารพัดกลุ่ม  พูดจาเอามันส์รักษาฐานคะแนนแบบส่งเดช ให้ท้ายคนชั่วส่งเสริมคนเลวระวังมันจะกลับมาทิ่มแทงตัวเอง ต่อให้เป็นชายที่แข็งแกร่งสุดในปฐพีแต่ถ้าคิดลองดีกับเรื่องนี้รับรองพังได้ง่ายๆ

/////////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกนัฏ” ลั่น เอาเรื่องถึงที่สุด สั่งจับโรงงานสายไฟไม่ได้มาตรฐาน ยึดของกลาง 65 ล้าน
“สุชาติ”เปิดงาน“ชลบุรี พราว เอ็กโป 2024” สร้างช่องทาง SME สร้างงานปชช.
รัฐบาลเปิดตัวนวัตกรรม “ตู้ห่วงใย” บริการทางการแพทย์ พบแพทย์ผ่านวิดีโอคอล เล็งขยายทั่วประเทศ
"พระปีนเสา" เล่านาที ถูกทำร้ายหน้าช่อง 8 เจ็บจนเห็นดาวเห็นเดือน โร่แจ้งความตำรวจ สน.บางเขน
"กลุ่มชายปริศนา" แหวกวงล้อมสื่อ เข้ารุมทำร้าย "พระปีนเสา" ขณะให้สัมภาษณ์
เปิดตัว "TKR Connect" แพลตฟอร์มจัดหางานครบวงจร สร้างมิติใหม่รองรับแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกม.
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น