ยังคงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ กับอนาคตรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือ BTS ที่คนกรุงเทพฯหลายล้านชีวิต จำเป็นต้องใช้บริการในแต่ละวัน หลังจากเดิมมีปัญหาติดขัดในขั้นตอนการพิจารณาของที่ประชุมครม. แบบยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจะไปทางไหน จนมาถึงกรณี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ แจ้งว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการตรวจสอบรายละเอียดด้านเอกสารสัญญา ความถูกต้องทุกแง่มุม รวมถึงแสดงความเห็นไปถึงเรื่องค่าโดยสาร รวมถึงรูปแบบการบริหารจัดการ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า อาจมอบกลับไปให้รฟม.ดูแลรับผิดชอบ
ทั้ง ๆ ที่โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ อนุมัติสร้างในสมัย รัฐบาล สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ให้รฟม.ดำเนิการก่อสร้าง เคยมีปัญหา เกิดความความล่าช้า ในขั้นตอนการดำเนินการจัดหา ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า เนื่องจากระบบการเดินรถมีความจำเป็น ต้องเชื่อมโยงกับระบบรถไฟฟ้าสีเขียว สายหลัก ซึ่งทาง BTSC เป็นผู้ให้บริการ ผลก็คือโครงสร้างที่รฟม.ก่อสร้าง ต้องกลายเป็นตอม่อ อนุสาวรีย์ ไม่มีขบวนรถไฟฟ้าให้บริการ
นี่จึงเป็นสำคัญทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคสช. (ขณะนั้น) ต้องออกคำสั่งตามมาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แก้ปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ภายใต้หลักการสำคัญ คือ โอนย้ายความรับผิดชอบจากรฟม. มาเป็น กทม.
พร้อมกำหนดให้กรุงเทพมหานคร ดำเนินการจ้างผู้ประกอบการเอกชน ดำเนินการติดตั้งระบบรถไฟฟ้าจัดการเดินรถไฟฟ้า และบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลัก กับ โครงการส่วนต่อขยายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาการจราจร และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
รวมถึงแต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงมหาดไทย , ปลัดกระทรวงการคลัง , ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ , เลขาธิการสภาพัฒน์ , อัยการสูงสุด พร้อม ข้าราชการระดับสูง รวมถึง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน และด้านระบบไฟฟ้า โดยมีปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นกรรมการและเลขานุการ
ทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์จากค่าโดยสาร รวมถึงหลักเกณฑ์อื่น เพื่อดำเนินการแก้ไขสัญญาสัมปทาน ตามพระราชบัญญัติการ่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 กับผู้รับสัมปทานดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยเวลาต่อมา กทม. โดย บริษัทกรุงเทพธนาคมฯ วิสาหกิจ ที่มีกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ถึงร้อยละ 99.96 ได้ตัดสินใจจ้าง BTSC ให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ทำให้เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว สามารถครอบคลุมพื้นที่ ดูแลผู้โดยสาร ทั้งในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และ สมุทรปราการ ด้วยระยะทางการเดินรถไฟฟ้าไกลถึง
68.25 กิโลเมตร
ประเด็นสำคัญ คือที่ผ่าน BTSC ได้รับผิดชอบการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นทางหลัก และรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ตามสัญญาว่าจ้างมาโดยตลอด รวมถึงเป็นการบริการโดยไม่มีมีการจัดเก็บค่าโดยสาร ตั้งแต่เริ่้มต้นเปิดให้บริการปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ทำให้กทม.มีมูลหนี้ค้างจ่าย BTSC สูงถึง 4 หมื่นล้านบาท
โดยประเด็นนี้ นายชัชชาติ ตอบคำถาม ยอมรับว่ามีความกังวล เรื่องหนี้ค้างจ่ายบีทีเอสทั้งหมด ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท แม้ว่าจะ ไม่ได้เกิดขึ้นในยุคนี้ เพราะฉะนั้นต้องมาดูรายละเอียดทั้งหมด เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหาร่วมกัน รวมถึงภายหลังจากปี 2572 ทรัพย์สินทั้งหมดของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เมื่อหมดอายุสัมปทาน และกลับมาเป็นของกรุงเทพมหานคร ก็จะทำให้กรุงเทพมหานครพอจะมีเงินในอนาคต ดังนั้นในส่วนของภาระหนี้ที่เกิดขึ้นจะต้องพิจารณาให้ดีว่าจริงๆกรุงเทพมหานครควรจะรับหนี้เท่าไร ภายหลังการหมดอายุสัมปทาน จึงต้องมาดูรายละเอียดรายได้ ก่อนพิจารณาตัดสินใจจะดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด