ติดตามต่อเนื่องกับประเด็นร้อนว่าด้วยการประมูลคัดเลือกเอกชน จัดให้เช่า/บริหาร ระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ในพื้นที่ ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี , ระยอง มูลค่าสูงถึง 2.5 หมื่นล้านบาท ถึง 2 ครั้ง และทางด้านบอร์ดที่ราชพัสดุ รวมถึง กรมธนารักษ์ พยายามผลักดันให้มีการเซ็นสัญญญากับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด
ทั้ง ๆ ที่ศาลปกครองยังไม่มีคำพิพากษาในคดีหลัก ว่าด้วยกรณี อีสท์ วอเตอร์ ดำเนินการฟ้องร้องคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ) และกรมธนารักษ์ เนื่องจากคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ ซึ่งแต่งตั้งโดยกรมธนารักษ์ ได้มีคำสั่งยกเลิกการคัดเลือกเอกชนเพื่อบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (การคัดเลือกเอกชนฯ ครั้งแรก) และการออกประกาศพร้อมหนังสือเชิญชวนฉบับใหม่ เป็นเหตุให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2564
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2565 ตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ “อีสท์ วอเตอร์” ได้มีการยื่นคำร้องต่อเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และทาง ก.ล.ต. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบการบริหารงานของ นางอัศวินี ไตลังคะ ประธานคณะกรรมการบริษัทและกระบวนการสรรหา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัท
เนื่องจากอาจมีการฝ่าฝืนจรรยาบรรณทางธุรกิจ ข้อบังคับบริษัท กฎบัตรคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนของบริษัท และความผิดตามหลายมาตราของหมวด 3/1 ว่าด้วยเรื่องการบริหารกิจการของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ในส่วนของหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการและผู้บริหารตามมาตรา 89/7 มาตรา 89/8 มาตรา 89/10 มาตรา 89/11 มาตรา 89/12 และมาตรา 89/14 พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และหมวด 6 ว่าด้วยเรื่องคณะกรรมการตามมาตรา 85 มาตรา 88 ของ พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 แล้ว
โดยตัวแทนกลุ่มผู้ถือหุ้นของ “อีสท์ วอเตอร์” ให้ข้อมูลว่า มีเหตุอันควรสงสัยหลายประการว่า นางอัศวินี ประธานคณะกรรมการบริษัทฯ อาจมีการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อจรรยาบรรณในทางธุรกิจว่าด้วยเรื่องความขัดแย้ง ทางผลประโยชน์ รายการที่เกี่ยวโยงกัน และ การทำธุรกรรมระหว่างกันของกลุ่มบริษัท