“วิสาร” ตั้งฉายางบฯปี 66 ฉบับผีปอบ เหตุกัดกินลำไส้เครื่องในมนุษย์ทุกเดือนๆ

นายวิสาร อภิปรายต่อว่า การจัดงบครั้งนี้เลวร้ายที่สุด เพราะไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน และไม่เอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เหมือนกับการแบ่งเค้ก จ่ายค่าไถ่ให้พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ณ วันนี้นายกฯต้องรู้ว่าชาวบ้านยากจนเดือดร้อน ค้าขายไม่ดี มีปัญหาโควิดและเศรษฐกิจ ปุ๋ยแพงน้ำมันแพงแต่ค่าแรงถูก เรานั่งจัดงบประมาณปี 66 จำนวน 3.185 ล้านล้านบาท แต่ประเทศไทยวันนี้ยังมีนักเรียนไม่มีเงินเรียน จนสุดท้ายเด็กต้องฆ่าตัวตาย ที่ผ่านสมาชิกได้อภิปรายว่าเป็นงบฯหาเสียง งบหาหัวคิว งบแจกจ่ายให้พวกพ้อง โดยเฉพาะใครที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยและจะย้ายพรรคไปอยู่ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลได้พิเศษ ตนไม่ได้พูดลอยๆ ถ้าได้เห็นในงบฯขาวคาดแดงอย่างละเอียดของงบประมาณ มันรับไม่ได้ ถือว่าเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย
และคนที่เป็นนายกผ่านการปฏิวัติมาเมื่อปี 57 ตอนนี้โดนบีบคอจนไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นนายกฯเหลืออยู่เลยหรือ ถามว่าผบ.ทบ.คนเก่งไปไหน การตั้งงบประมาณครั้งนี้เน้นงบทหาร มุ่งผลาญภาษี ได้ทีทุจริตและปิดบัญชีกลับบ้าน โดยงบทหารตอนนี้ประชาชนก็ทราบดี ทั้งเรื่องเรือดำน้ำและขอซื้อเครื่องบินรบเอฟ35 ส่วนการมุ่งผลาญภาษี ณ วันนี้มันเป็นเรื่องการจัดงบประมาณที่สูญเปล่า ไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่ม มีแต่จะสร้างหนี้เพิ่มให้ประชาชน ในงบปี 66 เราตั้งเงินบริหารหนี้สาธารณะอยู่ 3.6 แสนล้านบาท แต่ใช้ต้นเงินแค่แสนล้าน ดอกเบี้ยวันนี้เราต้องใช้อีก 2.6 แสนล้านบาท ที่คนไทยต้องร่วมกันรับผิดชอบ โดยเฉพาะงบของกระทรวงคมนาคม ก่อนปี 62 ปกติงบจะเปฉลี่ยนตามหัวและความยากจน งบจีดีพีของแต่ละพื้นที่ ภาคไหนยากจนรัฐบาลก็ช่วยเยอะ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น

นายวิสาร อภิปรายอีกว่า ปีนี้ยิ่งอเนจอนาถ เพราะกระทรวงคมนาคมได้งบไปทั้งหมด 5.7 % ของงบประมาณประเทศจาก 3.185 ล้านล้านบาท โตขึ้น 4.2% ถามว่างบไปอยู่ที่ไหน โดยรัฐบาลใช้งบประมาณในการก่อสร้างถึง 15% ของงบฯคิดเป็นเงิน 500,000 ล้านบาท โดยเฉพาะกรมทางหลวงและทางหลวงชนบทมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างมากที่สุดถึง 1.58 แสนล้านบาทหรือกว่า 31%ของบก่อสร้างทั้งประเทศ โดยมีงบประมาณเงินกู้ผูกพันและมีผลกระทบต่อการครั้งมากที่สุด คาดว่าจะมีการตั้งงบกินยาวข้ามปี โดยงบประมาณ5อันดับแรกกระทรวงคมนาคมมีงบผูกพันไว้ 300,000 ล้านบาทและงบใหม่ประมาณ 50,000 ล้านบาทที่มากกว่ากระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหม โดยในงบส่อโกง ตนไม่ได้อิจฉาตาร้อนพี่น้องจ.บุรีรัมย์ แต่ชื่นชมว่ามีสนามกีฬา มีการพัฒนาประเทศมากมาย จากจังหวัดที่ถือว่าต้องตำน้ำกิน แต่วันนี้อยู่ในจังหวัดที่เป็นระดับต้นๆ แต่มันผิดปกติตรงที่ว่าตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่ปี 62 งบมันเปลี่ยนไปมาก โดยไม่มีเหตุผลและไม่เกิดประโยชน์ เพื่อเอาตังค์ทอนและหัวคิว โดยข้อมูลจากสภาพัฒน์ระบุว่า จังหวัดเชียงใหม่มีประชากรประมาณ 1.7 -1.8 ล้านคน ส่วนประชากรที่จ.บุรีรัมย์มีประมาณ 1.5 ล้านคน แต่รายได้ที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจจ.เชียงใหม่เป็นจังหวัดทำรายได้นักท่องเที่ยวมีคนเข้ามาจับจ่ายใช้สอยถือว่าเป็นอันดับที่ 12 ของประเทศไทย เพราะเป็นหัวเมืองภาคเหนือและเป็นศูนย์ระเบียงเศรษฐกิจ แต่จ.บุรีรัมย์ไต่ระดับมาอยู่ในลำดับที่ 32 แต่ได้งบประมาณ โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคมที่ให้งบจ.เชียงใหม่อยู่ที่ 3,120ล้านบาท แต่จ.บุรีรัมย์ได้งบ 6,487 ล้านบาท โดยได้รับมากกว่าจังหวัดเชียงใหม่ถึงสองเท่า ส่วนงบประมาณบำรุงทางที่จ.บุรีรัมย์ได้งบประมาณนำโด่ง โดยทั่วไปมาตรฐานจะอยู่ที่1 แต่จ.บุรีรัมย์ได้มากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 4.29 เท่าและจ.สุรินทร์ได้ไป 3.58 เท่า และยังมีงบประมาณลงสนามบินบุรีรัมย์อีก 200 กว่าล้าน ชี้ให้เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม จริงใจที่จะตรวจสอบเรื่องการทุจริตหรือไม่ ที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับการยกย่องอันดับต้นๆคือการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งมี 120 ประเทศแต่ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 109 ถือว่าตกต่ำมาตลอด ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ และที่อนาถใจอีกคืองบตรวจสอบที่จะดูแลการทุจริตคอรัปชั่นมีแค่ 1,600,000 บาทและเป็นงบเกี่ยวกับการบริหารป้องกันการทุจริตมีประมาณ 5,000,000 บาท ถามว่าแบบนี้มีความจริงใจที่จะดูแลงบประมาณให้มีความโปร่งใสหรือ