วันที่ 2 มิ.ย.65. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ว่า ในส่วนของงบประมาณด้านความมั่นคง โดยเฉพาะของกระทรวงกลาโหม ซึ่งทำหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เป็นการใช้งบประมาณอย่างจำกัด ซึ่งการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมด
"นายกฯตู่" ขอฝ่ายค้านเห็นใจ ตชด.เสี่ยงภัยทุกวัน
ข่าวที่น่าสนใจ
ก็เพื่อให้เกิดความพร้อมและเตรียมรองรับต่อสถานการณ์ทุกรูปแบบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์นั้น มีการวางแผนใช้งานไว้ล่วงหน้า เพื่อให้การปฏิบัติงานมีความต่อเนื่อง เนื่องจากไม่สามารถปล่อยให้ยุทโธปกรณ์หมดอายุก่อนแล้วค่อยจัดหาใหม่ได้ พร้อมย้ำว่าการซื้อยุทโธปกรณ์นั้นไม่ได้ซื้อในราคาแพง แต่เป็นการซื้ออย่างเหมาะสมและเท่าที่จำเป็น รวมทั้งสอดคล้องกับการดูแลประเทศในภาพรวม ทั้งทางบก อากาศ ทะเล ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาได้มีการลดงบประมาณในด้านการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ลงไปมากพอสมควร อย่างไรก็ตามหากมีข้อสงสัยเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นหรือการแสวงหาผลประโยชน์สามารถที่จะสอบสวนได้
ส่วนงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับตำรวจตระเวนชายแดนนั้น ยืนยันว่าเป็นงบประมาณที่มีความเหมาะสมกับภารกิจในการดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดน การบรรเทาภัยพิบัติ การปราบปรามอาชญากรรม การพัฒนาคุณภาพชีวิตรวมถึงโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาการศึกษาสำหรับเด็กนักเรียนในพื้นที่ทุรกันดาร โดยขอให้เข้าใจถึงคนทำงานในการปกป้องชายแดนว่ามีความเสี่ยงภัยทุกวัน ส่วนการตั้งข้อสังเกตเรื่องงบประมาณในการปฏิรูปตำรวจว่าเหตุใดจึงมีงบประมาณในส่วนของสิ่งก่อสร้างจำนวนมากนั้น นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่าสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติงาน อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนการปฎิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมงการมีที่พักอาศัยใกล้กับสถานที่ทำงานจะสามารถเรียกให้มาปฏิบัติงานได้ทันท่วงทีไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปราบปรามอาชญากรรม การดูแลทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงการบรรเทาภัยพิบัติ และตามแผนการก่อสร้างต้องสามารถรองรับข้าราชการตำรวจได้อย่างเพียงพอประมาณร้อยละ 70 แต่ขณะนี้ก่อสร้างได้เพียงร้อยละ 50 เท่านั้น
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า นอกจากสวัสดิการในการดูแลข้าราชการตำรวจแล้วรัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการจัดสวัสดิการด้านสังคมตั้งแต่เด็กแรกเกิด ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส รวมถึงการรักษาพยาบาล ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลได้เพิ่มงบประมาณในส่วนนี้ทุกปี พร้อมย้ำว่างบกลางสามารถตรวจสอบได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-