มีมาอีกแล้วดราม่าร้อน ๆ ในโซเชียล หลังเพจดังช่วยเหลือสัตว์จรจัดป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งมีการเปิดรับเงินบริจาค แถมระยะหลังยังโพสต์ข้อความลักษณะท้อแท้ สิ้นหวัง จะปิดเพจ ทำเอากลุ่มคนรักสัตว์เห็นใจโอนเงินไปช่วยจำนวนมาก ก่อนจะมีคนเข้าไปจับผิดว่า คนที่รับบริจาคมีชีวิตหรูหรา เปิดร้านอาหาร แต่สุนัขและแมว ที่เพจรับไปดูแลกลับมีความเป็นอยู่ที่ไม่ดี เพจดังกล่าวตั้งขึ้น เพื่อช่วยเหลือสัตว์ป่วยอนาถา ทั้งหมาและแมวจรจัดที่ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งเปิดรับบริจาคมาหลายปีแล้ว ซึ่งจากการสังเกตหน้าเพจเฟซบุ๊กก็จะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้ว จะโพสต์เรื่องราวของสุนัข หรือ แมวที่มีอาการป่วย และบางโพสต์ก็มีการเปิดรับบริจาค แต่ช่วงหลังกลับพบว่ามีข้อความ ในเชิงตัดพ้อลักษณะแสดงความสิ้นหวัง ท้อแท้ และข้อความในลักษณะว่าจะปิดเพจ เพราะไม่ค่อยได้รับเงินบริจาค
"นายกเทศมนตรีเกล็ดแก้ว" ลุยตรวจสถานพักพิง "หมามะเร็ง" หลังชาวเน็ตขุดยับ เจ้าของเพจรวยอู้ฟู่ หมาแมวอด
ข่าวที่น่าสนใจ
ขณะที่ทีมขุดและนักสืบในโซเซียล พากันนับโพสต์ข้อความที่เกี่ยวกับความท้อใจ สิ้นหวัง และการขอรับบริจาคเงิน เฉพาะเดือนพฤษภาคม มีข้อความในลักษณะดังกล่าว ไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง เช่นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม โพสต์ข้อความว่า เพจวิกฤตแล้ว ศูนย์พักพิงหมาป่วยโรคมะเร็ง ขอรับบริจาคอาหารเม็ด , กระป๋อง และอุปกรณ์ทำแผลจำนวนมาก! วันที่ 24 พฤษภาคม “สิ้นหวัง ขอเพียงท่านละ 10-20 บาท เพื่อช่วยรักษาพยาบาลให้กับหมา-แมวจรจัด ที่ป่วยหนักในโรคมะเร็ง ในทุกๆชีวิตมีคุณค่า ได้โปรดอย่ามองข้าม”
วันที่ 20 และ 22 พฤษภาคม “ท้อและสิ้นหวังจริงๆ เพจลำบากมาก”
หรือวันที่ 1 พฤษภาคม ข้อความว่า “มันไม่ไหวจริงๆ แล้ว ตอนนี้เพจแย่มากๆ มันหนักมากจริงๆ”
หลังจากชาวเน็ตเห็นโพสต์ข้อความเหล่านี้ ก็ตั้งข้อสงสัยว่า ทางเพจมีการเปิดรับบริจาคมาหลายปี มีคนบริจาคให้จำนวนมาก แต่ทำไมจึงยังไม่พอรักษาสัตว์ จนมีคนตั้งข้อสังเกตว่า ที่ทางเพจบอกว่าไม่มีเงิน แต่กลับไปบูสต์โพสต์ในเฟซบุ๊กครั้งละเป็นแสน ๆ แถมที่ผ่านมาก็ไม่เคยเปิดเผยยอดเงินบริจาคว่ามีเท่าไร
เมื่อเกิดดราม่าร้อนแรง ทำให้ นายยศวัฒน์ ภูวรัตน์เลิศคุณ นายกเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว พร้อมด้วย พันจ่าเอก ประพัฒน์ สถิตย์วัฒน์ ผู้อำนวยการ กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบยัง สถานพักพิงเลี้ยงดูสุนัขในความดูแลของเพจ “หมามะเร็ง Dogs Cancer” ตั้งอยู่บนพื้นที่ว่างเปล่าเนื้อที่ 2 ไร่ ติดถนนสาย 332 ม.6 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังเกิดกระแสโด่งดังในโลกโซเชี่ยล กรณีเงินรับบริจาค
จากการตรวจสอบ พื้นที่ดังกล่าว ได้มีการกั้นอาณาบริเวณด้วยแผ่นเมทัลชีท ส่วนบริเวณพื้นที่เลี้ยงสุนัข ตั้งเป็นโครงเหล็กมุงหลังคาด้วยเมทัลชีท ภายในมีกรงเหล็กขังสุนัขไว้กว่า 200 ตัว และปล่อยเดินอยู่พื้นที่ภายนอกหลายสิบตัว โดยสุนัขได้ส่งเสียงร้องดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ โดยไม่พบเจ้าของแต่อย่างใด มีเพียงพนักงานชาย-หญิง ที่ถูกว่าจ้างให้มาดูแลสุนัขเท่านั้น
ขณะที่ น.ส.จุฑาพร แสงวัฒน์ อายุ 30 ปีหัวหน้าคนงาน และผู้ดูแลสุนัขเปิดเผยว่า สถานพักพิงช่วยเหลือสุนัขแห่งนี้เปิดมาได้ประมาณ 5 ปี ปัจจุบันมีสุนัขอยู่ในความดูแลราว 260 ตัว ส่วนใหญ่เป็นสุนัขพันธุ์ไทย ทั้งสุนัขจรจัด และรับมาเลี้ยงดู มีป่วยเป็นโรคมะเร็งประมาณ 70-80 ตัว ส่วนที่เหลือเป็นโรคทั่วไป ซึ่งสุนัขที่ป่วยจะถูกส่งไปรักษายัง โรงพยาบาลสัตว์สัตหีบ มีพนักงานชาย-หญิงรวม 9 คน ได้รับเงินเดือนคนละ 10,000-12,000 บาท ส่วนตนมีหน้าที่ดูแลสุนัข ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินรับบริจาค และไม่เคยได้รับรู้ยอดที่ได้รับบริจาคมาแต่อย่างใด น.ส.หนูนา เจ้าของเป็นผู้ดูแลเอง ส่วนพื้นที่ 2 ไร่ ที่นี่ไม่มีน้ำใช่เจาะไม่ได้เพราะเป็นที่เช่า ต้องซื้อน้ำจากที่อื่นเข้ามาใช้ ยืนยันว่าสถานที่แห่งนี้ได้ดูแลสุนัขจริง เพราะตนเองเป็นคนดูแลมาตลอด
ด้าน นายยศวัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า สถานพักพิงช่วยเหลือสุนัขแห่งนี้ ไม่ได้มีการขออนุญาตแต่อย่างใด และสถานที่ก็ไม่เป็นไปตามระเบียบที่วางไว้ ซึ่งหากตรวจก็ไม่ผ่านแน่นอน เข้าข่ายผิดเทศบัญญัติ กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเรื่องการควบคุมการเลี้ยง หรือปล่อยสัตว์ ซึ่งอาจถูกสั่งปิดหรือระงับ เบื้องต้น ได้ประสานไปยัง น.ส.หนูนา ผู้เป็นเจ้าของ โดยนัดให้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ รวมถึงการรับบริจาค และการรักษา เข้าชี้แจงยัง เทศบาลตำบลเกล็ดแก้ว ในเวลา 10.00 น.ของวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2565 เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-