ภายหลังจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของนางสาวภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นิดา เข้าพบพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อชี้แจงกรณีที่บังแจ็ค ปล่อยภาพที่กู้คืนมาได้จากโทรศัพท์มือถือของแตงโม
หลังจากสอบปากคำนางภนิดานานกว่า 3 ชั่วโมง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยว่า สาเหตุที่นางภนิดายอมส่งโทรศัพท์มือถือให้บังแจ็ค เพราะอ้างว่าสามารถช่วยปลดล็อคโทรศัพท์มือถือของแตงโมได้ โดยยืนยันไม่มีเรื่องเงินค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการซื้อโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังยืนยันว่าได้หารือกับนางภนิดาแล้ว เมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล พร้อมที่จะเปิดข้อมูลหลักฐานสำคัญทุกอย่าง
นายอัจฉริยะ ยังบอกอีกว่า ขณะนี้ทราบว่านาฬิกา กับสร้อยคอของแตงโมหายไป และอยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลสิ่งของที่สูญหายนี้ มากกว่าที่จะให้น้ำหนักกับพยานหลักฐานต่างๆ ที่บังแจ็คกล่าวอ้าง
นอกจากนี้ ในวันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน จะไปร้องเรียน แพทยสภาให้ตรวจสอบจริยธรรม แพทย์คนหนึ่งที่ให้คำแนะนำกับพนักงานสอบสวนคดีนี้ จากนั้นจะเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดกับเอกชนรายหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องคราบเลือดที่พบบนเรือ ที่กองบังคับการปราบปราม
ด้านนางภนิดา ยืนยันว่าไม่ทราบว่าในประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถกู้โทรศัพท์มือถือได้ เพราะก่อนหน้านี้ได้ติดต่อกับบริษัท ซึ่งเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้กู้โทรศัพท์มือถือแล้ว
แต่ในขณะเดียวกันมีผู้สื่อข่าวสำนักข่าวหนึ่ง แนะนำให้รับโทรศัพท์ของบังแจ็ค ที่ก่อนหน้านี้พยายามติดต่อมาตลอด จนแม่ตัดสินใจพูดคุยกับบังแจ็ค
ซึ่งบังแจ็คอ้างว่าทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือทุกอย่าง โดยมีผู้มาสารภาพกับบังแจ็ค ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือทั้งหมดเป็นเช่นไร จึงทำให้แม่ตัดสินใจส่งโทรศัพท์ให้บังแจ็ค ส่วนการที่บังแจ็คอ้างว่าได้โอนจำนวน 300,000 บาท ให้นั้น ไม่ได้เป็นการจ่ายค่าโทรศัพท์ให้กับนางภนิดา แต่เป็นการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านเวสเทิร์นยูเนี่ยนให้กับพยานคนหนึ่งในคดี ที่ได้มาเล่าความจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบ แต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดว่าเป็นใคร
นางภนิดา ยังยอมรับว่าบังแจ็คบอกว่ามีการสำรองข้อมูลโทรศัพท์ของแตงโมไว้แล้ว และยืนยันว่าจะส่งโทรศัพท์มือถือคืนกลับมาให้ โดยในโทรศัพท์มือถือไม่มีภาพโป๊ หรือข้อมูลที่ไม่เหมาะสม จึงไม่กังวลในประเด็นนี้