“รมช.คลัง” รับได้ขยายสอบท่อส่งน้ำ EEC เมินเอกชนบีบเร่งเซ็นสัญญา

รมช.สันติ เผยการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำ EEC รอบแรกยังไม่ครบถ้วน ระบุรมว.คลัง ให้สอบเพิ่มปริมาณน้ำ ระบบส่งน้ำ ความจุท่อ ไม่สนเอกชนเร่งขอลงนามภายใน 17 มิ.ย. และไม่หวั่นฝ่ายค้าน หยิบมประมูลท่อส่งน้ำ EEC อภิปรายไม่ไว้วางใจ

วันนี้(7 มิ.ย.65) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก หลังจากนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ตีกลับเรื่องการตรวจสอบให้กรมธนารักษ์ เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม ในประเด็นเรื่องของปริมาณน้ำ ปริมาณน้ำต่อปี ขนาดของท่อ ความจุท่อ รวมถึงอีกหลายๆ ประเด็นที่ยังเป็นข้อกังขาในขณะนี้ โดยให้เวลาเพิ่ม 30 วัน

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีที่ รมว.คลัง ได้ตีกลับผลการตรวจสอบครั้งนี้ ว่าเกี่ยวกับความไม่โปรงใสของการเปิดประมูลที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ในเรื่องความโปร่งใสนั้น ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบฯ ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วว่า การดำเนินการมีความโปร่งใส ดังนั้น การที่รมว.คลัง ได้สั่งการให้ตรวจสอบเพิ่มเติม ใน 2 เรื่องที่ยังไม่ครบถ้วน เนื่องจากทางคณะกรรมการฯ แจ้งว่า ระยะเวลากระชั้นชิดเกินไป ตรวจไม่ทัน ดังนั้น จึงได้ให้ไปตรวจเพิ่มเติมระบบท่อส่งน้ำ ปริมาณน้ำ capacity ของท่อน้ำทั้งหมด ว่ามีการเกิดการลักลั่นหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อ นายอาคม เกิดความมั่นใจในการดำเนินการ

นายสันติ กล่าวด้วยว่า ประเด็นที่สอบเสร็จแล้ว ไปเน้นสอบเรื่องขั้นตอน วิธีการ ระเบียบกฎหมายอะไรต่างๆ ว่าครบถ้วนไหม มีอะไรขาดตกบกพร่องไหม ซึ่งคณะกรรมการฯ ก็ยืนยันมาว่า มันถูกต้อง แต่ว่าเรื่องประเด็นการออกไปตรวจ เรื่องปริมาณน้ำอะไรต่างๆ ทางคณะกรรมการเค้าบอกว่า เวลามันกระชั้น เค้าเลยตรวจไม่ทัน

“ เรื่องโปร่งใส คณะกรรมการตรวจสอบเค้าก็ได้ตรวจสอบแล้ว ว่ามีความโปร่งใส เพราะฉะนั้น ท่านว่าการฯ ก็ให้ไปตรวจอีก 2 ข้อที่ยังไม่ครบถ้วน ก็ให้ไปตรวจ เนื่องจากว่า ทางคณะกรรมการเค้าก็บอกว่าเวลามันกระชั้น จะไปตรวจระบบท่อ ไปดูระบบการส่งน้ำอะไรต่างๆ รวมถึงปริมาณน้ำ capacity ของท่อน้ำทั้งหมด เพื่อให้เกิดปริมาณน้ำที่แท้จริง ว่ามันลักลั่นอะไรกันไหม เพื่อให้ว่าการเค้าเกิดความมั่นใจแค่นั้นเอง “ รมช.คลัง กล่าว

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ผู้สื่อข่าวได้ถามนายสันติ ถึงกรณีการยืดระยะเวลาในการตรวจสอบออกไปอีก 1 เดือน จะทำให้ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ซึ่งชนะประมูลในครั้งที่ 2 เกิดความเสียหายและอาจฟ้องร้องต่อรัฐหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ทีโออาร์ ระบุไว้แล้วต้องทำให้รอบคอบ อีกทั้งการที่ฝ่ายค้านออกมาตีข่าวที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจึงต้องดูทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหาให้กระจ่างเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และให้ประชาชนเข้าใจ

ส่วนที่ฝ่ายค้านจะเอาเรื่องนี้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสันติ ยืนยันว่า ถ้าทำถูกต้องตามกฎระเบียบกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของรัฐ ไม่กลัว

ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการดังกล่าว จะคล้ายกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม หรือไม่ ที่ผ่านมากว่า 1 ปี แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ในทางตรงข้ามสร้างผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ และ ผลประโยชน์ด้านอื่น ๆ ของประเทศ รมช.คลัง กล่าวว่า คนละเรื่อง เพราะท่อส่งน้ำของภาคตะวันออกนี้ มันไม่เหมือนกับอย่างอื่น เพราะว่าน้ำคือชีวิตของภาคตะวันออก โรงงานทุกโรงงานเค้าใช้น้ำเพื่อไปหล่อเย็น เพื่อประกอบอุตสาหกรรม เพราะฉะนั้น น้ำต้องมีความมั่นคงสูงสุด เพราะฉะนั้น ก็เลยไปดูในระบบต่างๆ เพื่อได้ผู้เช่าบริหารแล้ว ก็ต้องมีความมั่นคงและเป็นไปได้ โดยเฉพาะเพื่อให้ชาว EEC อุตสาหกรรมต่างๆ จะได้รับน้ำในราคาไม่แพง แต่รัฐต้องได้ประโยชน์สูงสุด และอุปสรรคและปัญหากการจ่ายน้ำก็จะต้องไม่เกิดขึ้น

ส่วนกรณีที่ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เตรียมทำหนังสือถึงกรมธนารักษ์ เพื่อขอนัดหมายลงนามในสัญญาโครงการ ภายในวันที่ 17 มิถุนายนนี้ ยังเป็นไปได้หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ใครจะมาสั่งได้

ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงปมท่อส่งน้ำ EEC ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ว่า ในส่วนของอีสท์ วอเตอร์นั้น ไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ แต่ว่ารัฐถือหุ้นอยู่จำนวนมาก เช่นเดียวกับ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) และธนาคารกรุงไทย ดังนั้น ในการดำเนินการ หรือตัดสินปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ไม่จำเป็นต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่อร่วมตัดสินใจ โดยหน่วยงานที่ควบคุมดูแลสามารถที่จะตัดสินใจดำเนินการได้ทันที

ข้อมูล ณ 11 มี.ค.65 บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรือ อีสท์ วอเตอร์ มี การประปาส่วนภูมิภาค ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 40.20% รวมถึงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ถือหุ้น 4.57%

 

สำหรับการประมูลคัดเลือกเอกชน จัดให้เช่า/บริหาร ระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ในพื้นที่ ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี , ระยอง มูลค่าสูงถึง 2.5 หมื่นล้านบาท หลังจากบอร์ดที่ราชพัสดุ รวมถึง กรมธนารักษ์ พยายามผลักดันให้มีการเซ็นสัญญากับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด โดยอ้างถึงข้อสรุปว่าด้วยผลประมูลครั้งที่ 2 หลังจากยกเลิกผลประมูลครั้งที่ 1 ซึ่งปรากฎว่า บริษัทอีสท์ วอเตอร์ เป็นผู้ชนะการประมูล และนำไปสู่การฟ้องร้องต่อศาลปกครอง โดยยังไม่คำพิพากษาใด ๆ ออกมาทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ กระทรวงการคลัง นำสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ก่อนเซ็นสัญญา เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ก.แรงงาน" เตรียมเปิดขึ้นทะเบียน "แรงงานต่างด้าว" รอบใหม่
เจาะ "MOU44" พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา "เกาะกูด" เป็นของใคร
"สมชัย" เผยเคยทำงานร่วม "กิตติรัตน์" ยอมรับเป็นคนเก่ง แต่เพราะเคยตามใจฝ่ายการเมืองทำประเทศชาติเสียหาย
ระทึก "รถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงแสน" ชน "รถพ่วง" พลิกคว่ำตกข้างทาง ผู้โดยสารบาดเจ็บอื้อ
"ศิริกัญญา" ปูดข่าว รบ.วางแผนยึดการบินไทย ส่ง 2 ผู้บริหารฟื้นฟู
โมเดลใหม่...ประมงสมุทรสงครามเปิดตัวกิจกรรม “สิบหยิบหนึ่ง” ปราบปลาหมอคางดำ จับมือเกษตรกรร่วมแก้ปัญหาในบ่อเลี้ยงเกษตรกรและแหล่งน้ำธรรมชาติ
"กองปราบฯ" รับโอนคดี "ซินแสชื่อดัง" หลอกผู้เสียหายสูญเงิน 66 ล้าน
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 6 (ตรัง) ศึกษาดูงานด้านการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล
"นครราชสีมา" เสี่ยงภัยแล้ง 10 อำเภอ ชลประทานประกาศงดทำนาปรังทั้งจังหวัด
"อัจฉริยะ" แจงผลสอบ "อาหารเสริม Eighteen 18" พบมีเลข อย.ถูกต้อง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น