"โควิด" ปัจจุบัน ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานจากวัคซีน - ติดเชื้อ อัตราป่วยตายอยู่ที่ 0.1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อโรคเข้าสู่ประจำถิ่น ต้องให้ความสำคัญของการศึกษาก่อน
ข่าวที่น่าสนใจ
หมอยง ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ Yong Poovorawan ระบุ จำนวนผู้ป่วยขณะนี้ ตามตัวเลขที่เราทราบ จะเป็นผู้ที่ได้รับการตรวจ RT PCR ที่จำนวนการตรวจน้อยลงอย่างมาก ขณะเดียวกัน ตัวเลขผู้ป่วยที่ไม่ได้ลงทะเบียน จะมีอีกจำนวนมาก น่าจะเป็น 10 เท่า และส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง จึงสามารถรักษาตัวเองที่บ้านได้ รวมทั้ง มีการติดเชื้อแบบไม่มีอาการอีกจำนวนหนึ่ง
“ประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน มีภูมิต้านทานจากวัคซีน และจำนวนหนึ่งมีการติดเชื้อ การติดเชื้อจะสร้างภูมิต้านทานได้ดี และผู้ที่ได้รับวัคซีน ร่วมกับการติดเชื้อ จะมีภูมิต้านทานแบบลูกผสม สามารถลดความรุนแรงได้เป็นอย่างดี”
หมอยง ระบุต่อว่า ในเด็กอายุ 5 ขวบ ยังไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน เราตรวจเลือด (ในกรุงเทพฯ) พบว่า มีการติดเชื้อไปแล้วร่วม 20% ในจำนวนนี้มีการติดเชื้อแบบมีอาการประมาณครึ่งเดียว แสดงให้เห็นว่า ขณะนี้ ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานที่เกิดจากวัคซีน และการติดเชื้อ ที่จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้เป็นอย่างมาก อัตราการป่วยตาย ในปัจจุบัน เราไม่มีตัวเลขที่แท้จริง แต่จากการประเมินน่าจะอยู่ที่ 0.1 เปอร์เซ็นต์ หรือหนึ่งในพัน และผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว และไม่ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม
“ชีวิตต้องอยู่กับโควิดตลอดไป การกักตัวในผู้ป่วย ก็จะใช้เวลาสั้นลง เป็น 7 วัน และดูแลป้องกันไม่ให้ติดคนอื่นด้วยการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมืออีกอย่างน้อย 3 วัน อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ เพราะว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เคยได้รับวัคซีนมาแล้ว มีภูมิต้านทานบางส่วน และเมื่อติดเชื้อการกำจัดเชื้อ ให้หายไป เร็วกว่าคนที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน”
หมอยง ระบุอีกว่า เด็กนักเรียน ในสิงคโปร์ ปีที่ผ่านมา 2564 เปิดเรียนตามปกติ ใครป่วย ให้หยุดเรียน 7 วัน และถ้าไม่มีอาการแล้วให้กลับมาเรียนได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องตรวจ ATK ด้วย เพราะเขาให้ความสำคัญกับการเรียนมาก เมื่อเทียบกับความรุนแรงของโรคในเด็กแล้ว น้อยกว่าในผู้ใหญ่มาก เด็กสร้างภูมิต้านทานได้ดี และมีความรุนแรงน้อย ยกเว้นเด็กเล็กที่ต่ำกว่า 2 ปี ซึ่งขณะนี้ก็ไม่มีวัคซีน และก็ยังไม่ได้ไปโรงเรียน
“ถ้าเปรียบเทียบกับไข้หวัดใหญ่ เราก็ใช้วิธีการให้หยุดเรียน จนกว่าไม่มี ไข้ และอาการที่ชัดเจนอย่างน้อย 2 วัน ก็สามารถไปโรงเรียนได้ ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ว่าต้องหยุดถึง 10 วัน”
แนวโน้มในอนาคต เราจะต้องให้ความสำคัญของการศึกษา การหยุดเรียนของนักเรียน หรือการปิดโรงเรียน ควรจะต้องสั้นลง ถ้าเด็กส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากวัคซีน หรือเคยติดเชื้อ เช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ เด็กเล็กที่ไปโรงเรียน ติดเชื้อ RSV เราก็ไม่ได้มีการกำหนดว่าต้องหยุด 10 วัน เช่นเดียวกันไข้หวัดใหญ่ก็เหมือนกัน
“การติดเชื้อในเด็กนักเรียน ที่ได้รับวัคซีนมาครบแล้ว ควรจะหยุดเรียนอยู่บ้านเรียนออนไลน์ 7 วัน ก็น่าจะเพียงพอ โดยเฉพาะในเด็กที่มีอาการน้อย หรืออาการหายแล้ว” หมอยง ระบุทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง