หลังเงื้อง่าราคาแพงอยู่นาน ล่าสุดแกนนำพรรคฝ่ายค้านนำโดย ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ ฯลฯ แถลงข่าวความพร้อมในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๑ โดยกำหนดการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ภายใต้ชื่อยุทธการว่า “เด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ขยายความว่า เด็ดหัวคือการอภิปรายเด็ดหัวนายกฯ ส่วนสอยนั่งร้าน คือการซักฟอกรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยยก ๖ ประเด็นความผิดกล่าวหานายกฯและรัฐมนตรีในรัฐบาลเรือแป๊ะ ประกอบด้วย ๑ .ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ๒.จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและมาตรฐานจริยธรรม ๓.ส่อทุจริตเอื้อประโยชน์ ๔.ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาหรือเรื่องที่ฝ่ายค้านเคยอภิปรายทักท้วงไป ๕.ละเมิดสิทธิมนุษยชน และ ๖.ทำลายระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา
ทั้งนี้ในส่วนรัฐมนตรีที่คาดหมายว่าจะถูกซักฟอกในคราวนี้มีด้วยกัน ๑๐ คนประกอบด้วย ก๊วน ๓ ป.บูรพาพยัคฆ์นำโดย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แกนนำพรรคพลังประชารัฐ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผอ.พรรคพลังประชารัฐ “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รวมถึง สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ๒ คน คือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ๒ คน ได้แก่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับ “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย
เรียกว่าพลิกโผจากที่นายใหญ่คนแดนไกลนักโทษหนีคดีเคยโม้ไว้ในคลับเฮ้าส์ของฝ่ายตัวเองไปเยอะมาก ย้อนอดีตไปบ่อยครั้งก่อนหน้านี้โทนี่ออกมาขย่มรัฐบาลไล่นายกฯรัวๆ มั่นใจมากว่าครึ่งปีหลังจะมีรัฐบาลใหม่นายกฯจะไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ “ ปี ๒๕๖๕ จะเป็นปีที่หนักเพราะเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขึ้น ค่าครองชีพจะสูงมากขอให้คนไทยอดทน ขอให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤติไปให้ได้แล้วครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น ประคองตัวให้พ้นครึ่งปีแรก ครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น โดยครึ่งปีหลังน่าจะเป็นรัฐบาลใหม่มานั่งบริหารมากกว่า.. ส่วนเหตุที่ว่าก็คือ อย่างแรก รัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนในปัจจุบันได้เพราะมีความเข้าใจประชาชนน้อย เนื่องจากมาจากข้าราชการที่มีสวัสดิการที่ดีคือทหาร ต้องเข้าใจประชาชนมากกว่านี้ไม่ใช่เอาเงินมาแจกประชาชน เพราะแจกอย่างไรก็ไม่พอ คิดว่ารัฐบาลนี้ไปยากจากความสามารถของตัวเอง อันที่สองเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกฯ ๘ ปี ถ้าตีความตามลายลักอักษรและเจตนารมณ์ของผู้ร่าง คือ ไม่อยากให้ใครอยู่เกิน ๘ ปี เพราะกลัวรากจะงอก คิดว่านายกฯ คงถึงเวลาต้องพักผ่อน” โทนี่ให้สัมภาษณ์เพจข่าวหนึ่งช่วงต้นปีที่ผ่านมา
จากนั้นก็พูดในทำนองประยุทธ์ไปไม่ไหวรัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอมอีกหลายครั้ง “ นายกฯ ต้องเจออีก ๓ ขั้นตอนอย่างน้อย อันแรกคือ วันที่ ๒๒ พ.ค. ต้องตัดสินใจว่า จะรับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน หรือยุบสภาก่อน เพราะกฎหมายบอกว่า ถ้าฝ่ายค้านยื่นปั๊ป ยุบไม่ได้แล้ว ถ้าแพ้โหวตก็ต้องออก นายกฯต้องตรวจแถว ว่าเกินครึ่งไหม ถ้ามั่นใจก็ยอมให้ฝ่ายค้านอภิปราย ถ้าฝ่ายค้านอภิปรายมาถึงจุดหนึ่ง ถ้าแพ้ก็ต้องลาออก เป็นสเต็ป ๒ อันดับ ๓ คือ เมื่อท่านอยู่ครบ ๘ ปี เดือนสิงหาคม ต้องตีความว่า เป็นนายกฯ ครบ ๘ ปี เพราะเจตนารมณ์คือไม่ต้องการให้ใครอยู่นาน จึงร่างกฎหมายฉบับนี้เอง แก้บาลีคงยาก คงไม่ทันได้เอเปค” ทักษิณพูดใน รายการ CARE Talk ตอน “มานี่…พี่จะบอก ประยุทธ์ทำแพง ประชาชนจะหมดแรงแล้ว แม๊!!” ๑๕ มี.ค.ที่ผ่านมา ชัดเจนว่าความพยายามที่นายใหญ่เจ้าของคอกเขียนใบสั่งตั้งเป้ามาให้คนในพรรคเพื่อไทยเคลื่อนไหวล้มพล.อ.ประยุทธ์ห่างไกลจากแผนการที่ทักษิณวางไว้มากมายนัก เดิมพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณวางแผนจะล้มนายกฯคว่ำรัฐบาลนี้ให้ได้ตั้งแต่เปิดสภา อาศัยเวทีแรกในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๖ ระหว่างวันที่ ๓๑ พ.ค. ถึง ๒ มิ.ย. ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา ตอนนั้นบรรดาลูกขุนพลอยพยัคฆ์ก็นัดแนะเตรียมการกันไว้หมดแล้ว ที่มีทั้งการเคลื่อนไหวถี่ยิบของ “เสี่ยโจ้” ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่นัดบรรดาส.ส.กลุ่ม ๑๖ ของพิเชษฐ สถิรชวาล กับบรรดาพรรคเล็กมาพูดคุยหารือกันบ่อยครั้ง หรือการออกมาเคลื่อนไหวอย่างมีนัยยะสำคัญของ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทยในการพูดคุยกับพรรคเล็ก ก็ถูกตีความมีนัยยะว่า “รับลูก” จากนายใหญ่คนแดนไกลนักโทษหนีคดีให้ล้มบิ๊กตู่คว่ำรัฐบาลลงให้ได้ ถึงขนาดผู้กองประกาศว่ามีส.ส.ในมือเกือบ ๔๐ คนที่พร้อมเปลี่ยนแปลงการเมืองได้
แต่ถึงเวลาเอาเข้าจริงปรากฎว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๖ ผ่านการรับหลักการในวาระแรกจากส.ส.อย่างท่วมท้น ด้วยคะแนน ๒๗๘ ต่อ ๑๙๔ เสียง และงดออกเสียง ๒ เสียง โดยนอกจากจะไม่มีรายการสวิงโหวตจากฝั่งรัฐบาลเกิดขึ้นแล้ว ฝ่ายค้านยังเสียหน้าสุดๆเพราะเป็นฝ่ายตัวต่างหากที่หายไปถึง ๑๔ เสียง จากจำนวนส.ส.ฝ่ายค้านที่มีทั้งหมด ๒๐๘ คน และที่หน้าแหกมากยิ่งกว่าคือ ๗ ใน ๑๔ คนล้วนเป็น “งูเห่า-งูฝาก” ที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยคอกทักษิณเพียวๆ ประกอบด้วยส.ส.ศรีสะเกษ ๓ คน ที่เตรียมย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์, ธีระ ไตรสรณกุล, ผ่องศรี แซ่จึง ส่วนอีก ๔ คน ได้แก่ จักรพรรดิ ไชยสาสน์ ส.ส.อุดรธานี, นิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก, วุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก, สุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา ที่ข่าวว่าเตรียมย้ายหนีคอกนายใหญ่พรรคนายทุนกันหมดแล้ว เจอทีเด็ดโพยผีบอกของเสี่ยหนูเข้าไปโทนี่ถึงขั้นกระอัก เพราะไม่คิดว่าอนุทินจะมีทีเด็ดร้ายกาจขนาดนี้ ประยุทธ์รอดสันดอนเที่ยวนี้ไปได้ส่วนหนึ่งต้องยกความดีให้บิ๊กป้อมที่บารมีกลับมาพีคช่วงนี้พอดี แต่ส่วนใหญ่ต้องยกโบว์แดงให้อนุทินเพราะมีงูเห่างูฝากเป็นก๊อกสองให้กับนายกฯ
ภายหลังความหวังที่ตั้งใจจะล้มนายกฯคว่ำรัฐบาลลงให้ได้ในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี ๒๕๖๖ ดับวูบลง เพราะทำยังไงก็ไปไม่ได้ไล่ไม่ถึง ในสภาผู้แทนราษฎรปัจจุบันมี ๔๗๔ คน เกินกึ่งหนึ่งต้องได้ ๒๓๗ คน เช็คเสียงล่าสุดฝ่ายค้านมีแค่ ๑๙๔ คน ต่อให้บวกพรรคเศรษฐกิจไทยของผู้กองอีก ๑๖ คน เต็มที่ก็ได้แค่ ๒๑๐ คน ขาดอีก ๒๗ คนถึงจะล้มพล.อ.ประยุทธ์ได้ ดึงพรรคเล็กมาสิบกว่าคนก็ยังล้มไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงปิดประตูตายเรื่องล้มบิ๊กตู่ไปได้เลย ซื้อให้ตายแจกกล้วยให้หมดสวนก็คว่ำรัฐบาลเรือแป๊ะลงไม่ได้ หลังเห็นชัดว่าเสียงรัฐบาลท่วมท้นนายกฯมีส.ส.สนับสนุนล้นหลาม แผนที่เคยวางไว้ว่าจะ “เด็ดหัวพยัคฆ์” ก็มีอันต้องพังพาบลง ก่อนหน้านี้ไปไล่ดูที่แกนนำคอกทักษิณให้สัมภาษณ์ แรกๆก็ตั้งใจยื่นฟันพล.อ.ประยุทธ์คนเดียวกะเด็ดหัวคนเดียวให้สะเทือนถึงดวงดาว แต่พอดูทรงจากการอภิปรายงบประมาณแล้วมีโอกาสเสียหน้าซ้ำสอง จากที่เคยตั้งใจจะอภิปรายนายกฯคนเดียวพ่วงรัฐมนตรีอีกไม่เกิน ๕ คนเป็นหมัดเด็ดหมัดน็อคกันไปเลย แต่พอรู้ว่ามือไม่ถึงจนปัญญาล้มบิ๊กตู่ ไปๆมาๆก็กลัวอภิปรายรอบนี้จะเสียของเพราะเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ บวกลบคูณหารแล้วเลยตัดสินใจอภิปรายแบบยกพวง หว่านแหไปหมดเอาทั้ง ๑๐ คน เน้นไปที่หัวกะทิแกนนำรัฐบาล ตั้งเป้าหวังด้อยค่าพรรคร่วมรัฐบาลป้ายสีแกนนำให้มัวหมอง เต็มที่ได้แค่นี้พอ ชื่อเลยออกมาเป็น ๓ ป. กับบรรดาหัวหน้าและเลขาธิการพรรคร่วม พ่วงด้วยรัฐมนตรีตัวจี๊ดของพลังประชารัฐอีก ๓ คน
ที่นายใหญ่เคยฝันหวานโหมโรงมาตั้งแต่ต้นปีจะมีรัฐบาลใหม่จะล้มพล.อ.ประยุทธ์ หวังให้ลูกสาวได้เป็นนายกฯไวไวจะได้กลับบ้านเร็วๆ สุดท้ายปลายทางวันนี้ก็ล่องจุ๊นพิสูจน์แล้วว่าฝ่ายทักษิณบ้อท่าเอานายกฯไม่ลง ที่คิดว่าศึกซักฟอกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ ม. ๑๕๑ จะเป็นเวทีชี้ขาดหมัดน็อคนายกฯให้หล่นคาเวที ทำไปทำมาก็แค่จำอวดหน้าม่านซักฟอกตามประเพณีอภิปรายตามฤดูกาลใช้สิทธิ์ให้ครบๆจบๆไป ไม่มีหวังล้มพล.อ.ประยุทธ์เปลี่ยนแปลงรัฐบาลอย่างที่เห่าหอนได้ ยกแรกเวทีงบประมาณก็ตายหยังเขียดมาแล้ว ยกสองซักฟอกที่จะมาถึงเร็วๆนี้ก็คงตายสงบศพไม่สวยอีกเพราะดูแล้วไม่มีปัญญาจะทำอะไรนายกฯได้ ยกสามคงไปหวังน้ำบ่อหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญเรื่องตีความอายุการทำงาน ๘ ปีของนายกฯ ที่มีเปอร์เซ็นต์คว้าน้ำเหลวอีก วันนี้คำพูดของนายใหญ่คนแดนไกลนักโทษหนีคดีคงหมดราคาจริงๆ พูดเลอะเทอะพูดไปเรื่อยหาคุณค่าไร้ราคาจริงๆ ล้มประยุทธ์แค่ลมปากคว่ำรัฐบาลแค่ฝันไป ไม่ว่าจะขับเคลื่อนมาจากฝั่งฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทยหรือเขียนใบสั่งพยายามมาจากด้านผู้กองผสมกับพรรคเล็ก ขนเงินเป็นเข่งแจกกล้วยเหมาสวนก็ไม่มีทางล้มบิ๊กตู่คว่ำพล.อ.ประยุทธ์ลงได้จริง มันจบแล้วครับนาย
/////////////////