"กัญชาเสรี" อาจเสี่ยงกว่าที่คิด ล่าสุด ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ ออกแถลงการณ์เผยไม่มีกฎหมายควบคุม ห่วงกระทบสุขภาพเด็กและวัยรุ่น
ข่าวที่น่าสนใจ
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์จุดยืนเรื่องผลกระทบของกฎหมาย “กัญชาเสรี” ต่อสุขภาพเด็กและวัยรุ่น โดยระบุข้อความว่า “สืบเนื่องจากประกาศกระทรวงสาธารณสุขในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประกาศยกเว้นจากการเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 โดยเฉพาะกัญชา
ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 มิถุนายน จะส่งผลให้ประชาชนทุกคนในประเทศไทย รวมถึงกลุ่มเปราะบาง คือ เด็กและวัยรุ่นสามารถเข้าถึงกัญชาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาได้โดยไม่ผิดกฎหมาย จากการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา รวมถึงการน้ำกัญชา ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ทำให้เสพติดมาใช้เพื่อนันทนาการ
ในพืชกัญชามีสารแคนนาบินอยด์ (cannabinoid) หลายชนิด แบ่งเป็น
- สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท (psychoactive) ที่สำคัญ ได้แก่ THC (delta-9-/delta-8 tetrahydrocannabinol
- สารไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท (non-psychoactive) ที่สำคัญ ได้แก่ แคนนาบินอยด์ (cannabidiol-CBD) ซึ่งในทางการแพทย์มีการนำมาใช้รักษาโรคลมชักชนิดดื้อยากันชัก
สำหรับ THC มีการนำมาใช้ในทางการแพทย์เช่นกัน เช่น ในการรักษาประคับประคองของมะเร็งระยะสุดท้าย แต่หากมีการนำกัญชาหรือสารสกัดกัญชามาใช้เป็นส่วนผสมของอาหารหรือการแปรรูปต่าง ๆ หรือให้มีการใช้กัญชาได้อย่างเสรีโดยไม่มีกฎหมายควบคุม ประชาชนก็จะมีโอกาสได้รับสารแคนนาบินอยด์เหล่านั้นเข้าไปจนอาจจะมีผลกระทบที่รุนแรง โดยเฉพาะผลกระทบต่อสมองของเด็กและวัยรุ่น เช่น
- พัฒนาการล่าช้า
- ปัญหาพฤติกรรม
- เชาวน์ปัญญาลดลง
- และส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจ เช่น มีความเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคจิตเภท ภาวะฆ่าตัวตาย เสี่ยงต่อการติดสารเสพติดชนิดอื่น ๆ รวมถึงส่งผลเสียต่อสุขภาพกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ผลศึกษาที่มีนัยยะสำคัญทางสถิติของสมาคมจิตเวชศาสตร์สหรัฐอเมริกา (American Psychiatric Association) พบว่า ยิ่งใช้กัญชานาน ยิ่งลด 1Q และขนาดของสมอง โดยวัดระดับสติปัญญา ณ ช่วงอายุ 45 ปี ผลการ์ศึกษาพบว่า กลุ่มที่ได้รับกัญชามีการลดลงของสติปัญญามากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับถึง 8 เท่า รวมถึงมีปัญหาด้านความจำมากขึ้นด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง