พลิกแฟ้มคดี ชำแหละสายสัมพันธ์ฉาวสสส.-ไทยพีบีเอส

“พญ.เชิดชู   อริยศรีวัฒนา"  คือหนึ่งผู้หาญกล้าตรวจสอบจนเจาะลึกเข้าไปถึงไส้ในพันธุกรรม สสส.-ไทยพีบีเอส

ไทยพีบีเอสมีอะไรอีกเยอะต้องทบทวน  พล.อ.ประยุทธ์กล้ามั้ย  ระวังรื้อไปจะเจอจอมปลวกแล้วกัน  “

คำกล่าวของ แก้วสรร  อติโพธิ  อดีตกรรมการธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส  เคยให้ความเห็น ท็อปนิวส์ ถึงสารพันปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสที่ใช้งบประมาณจากภาษีบาปสองพันกว่าล้านบาทคุ้มค่าหรือไม่

การสื่อสัญญาณของแก้วสรร มีนัยยะสำคัญยิ่ง เพราะไทยพีบีเอสตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับอาณาจักรที่ถูกก่อร่างสร้างตัวของกลุ่มคนที่มาจากสสส.ผ่องถ่ายมายังไทยพีบีเอส

ครั้งหนึ่ง การเปิดข้อมูลความสัมพันธ์ ระหว่างสสส.กับไทยพีบีเอส ได้สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มคนเหล่านั้นถึงกับฟ้องร้องดำเนินคดีบุคคลที่รับรู้สร้อยสนกลในความสัมพันธ์

“พญ.เชิดชู   อริยศรีวัฒนา  คือหนึ่งผู้หาญกล้าตรวจสอบเรื่องนี้ จนต้องตกเป็นจำเลย”

 

ชนวนเหตุของเรื่อง เริ่มต้นเมื่อปี 2559  ในช่วงที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ออกคำสั่งที่ 1 / 2559  ปลดกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จำนวน 7 คน หนึ่งในนั้นมี นพ.ยงยุทธ   วงศ์ภิรมย์ศานติ์   เมื่อนพ.ยงยุทธถูกปลดออกจากตำแหน่ง เขาได้มาเป็นประธานมูลนิธิไทยพีบีเอส ท่ามกลางข้อครหามูลนิธิไทยพีบีเอสและมูลนิธิอื่นๆที่เขาดูแล ได้รับเงินสนับสนุนจาก สสส. จึงเอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริหารสสส.ได้เข้ามาเป็นผู้บริหารในไทยพีบีเอส

ต่อมา พนักงานไทยพีบีเอสได้ทำหนังสือร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน รวมถึงส่งจดหมายร้องเรียนมายัง พญ.เชิดชู ที่กำลังตรวจสอบองค์กรสสส.อยู่ขณะนั้นด้วย แต่ในที่สุด พญ.เชิดชู โดนนพ.ยงยุทธ ฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาท

“ ตอนที่ คสช.ปลดกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสสส. 7 คน   นพ.ยงยุทธ มาเป็นประธานมูลนิธิไทยพีบีเอส ขณะที่ ทพ.กฤษฎา เรืองอารีย์รัชต์  อดีตผู้จัดการสสส.อีกท่านได้ยื่นใบลาออกจากสสส. โดยมีเหตุผลให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตรวจสอบ ว่าตัวเขาสุจริตหรือทุจริตหรือไม่ แต่หลังจาก ทพ.กฤษฎาลาออกไม่นาน  ตอนนั้นมีการสรรหา ผอ.ไทยพีบีเอส  ปรากฎว่า ทพ.กฤษฎาซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการ สสส. ก็ได้มาเป็นผอ.ไทยพีบีเอส”

 

“ ดิฉันตั้งข้อสงสัย  ทำไม ทพ.กฤษฎาลาออกจากสสส.ปุ๊บ อ้างว่าให้ตรวจสอบ แต่จู่ๆได้มาเป็นผอ.ไทยพีบีเอสเลย ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติการทำงานด้านสื่อ  ขณะนั้นพนักงานไทยพีบีเอสออกมาแสดงความสงสัยว่า บุคคลนี้มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามพ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งประเทศไทย  ซึ่งดิฉันก็เขียนบทความโดยมีสื่อมวลชนนำไปตีพิมพ์ ทั้งที่ข้อเท็จจริงดิฉันวิจารณ์ทพ.กฤษฏา แต่นพ.ยงยุทธ  กลับฟ้องดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท”

พญ.เชิดชู อธิบายต่อไปว่า  เหตุที่นพ.ยงยุทธ ฟ้องเพราะตนไปสงสัยว่า มูลนิธิไทยพีบีเอสรับเงินจากสสส. 10  ล้านกว่าบาท

 

“เราสงสัยว่าเกี่ยวพันแน่เลย ผู้จัดการสสส.มอบเงินให้มูลนิธิไทยพีบีเอสซึ่งมีนพ.ยงยุทธ เป็นประธาน จึงตอบแทนผู้จัดการสสส.ในช่วงเวลายากลำบาก ด้วยการมอบตำแหน่ง ผอ. ไทยพีบีเอส  ทำให้นพ.ยงยุทธเป็นโจทย์ยื่นฟ้องดิฉัน “

นอกจาก สสส.ให้การสนับสนุนมูลนิธิไทยพีบีเอส  10 ล้านบาท  พญ.เชิดชู ยังพบว่า สสส.ให้การสนับสนุนโครงการในมูลนิธิที่อยู่ในความดูแลของนพ.ยงยุทธ 3 -4 มูลนิธิ รวมกันเกือบ 300 ล้านบาท  ข้อมูลเหล่านี้สื่อมวลชนนำมาจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) โดยสื่อไปเป็นพยานให้พญ.เชิดชูในชั้นศาลยืนยันข่าวนี้เป็นข่าวจริงไม่ได้ใส่ความ

ขณะเดียวกัน จากการที่นพ.ยงยุทธ ฟ้องร้องพญ.เชิดชู ทำให้สาธารณะชนได้รับรู้ความสัมพันธ์ ระหว่าง สสส.กับไทยพีบีเอสมากยิ่งขึ้น

“เมื่อเราถูกฟ้องจึงได้รับทราบข้อมูลหลายๆอย่างที่เรียกมาในชั้นศาล เช่น การสรรหา ผอ.ไทยพีบีเอส ซึ่งมีคณะกรรมการสรรหาที่แต่งตั้งขึ้น ตามพ.ร.บ. องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ตอนนั้นมีการ เสนอชื่อทพ.กฤษฎา แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก  กรรมการไม่ได้เลือกทพ.กฤษฏาด้วยเสียงสองในสาม แต่ในกรรมการสรรหาให้ประชุมกันถึงห้าครั้งกว่าจะได้ทพ.กฤษฏา เป็นผอ.ไทยพีบีเอส  ”

“และตอนนั้น ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ซึ่งเป็นผู้จัดการสสส.ต่อจาก ทพ.กฤษฏา  พอได้รับเลือกเป็นผู้จัดการสสส. เขาพูดเองในชั้นศาลว่า รศ.ดร.วิลาสินี  พิพิธกุล เป็นภรรยา เมื่อก่อนทำงานที่ขอนแก่น ต่อมาย้ายมาทำงานกับ ดร.สุปรีดาที่สสส. โดยดร.สุปรีดามีความรู้สึกว่า ถ้าสามีภรรยาทำงานในองค์กรเดียวกัน เกรงข้อครหามีผลประโยชน์ทับซ้อน  จึงให้ภรรยาลาออกจากสสส.  และมาสมัครงานไทยพีบีเอส  ต่อมา รศ.ดร.วิลาสินี ได้รับเลือกแต่งตั้งเป็นพนักงานไทยพีบีเอส แต่อยู่ไม่นาน  เพราะขณะที่ทพ.กฤษฎาเป็นผอ.ไทยพีบีเอสเลือก รศ.ดร.วิสาสินีเป็นรองผอ. มาเจอข้อหาซื้อหุ้นกู้ซีพีเอฟ ทำให้ ทพ.กฤษกฎาและรศ.ดร.วิลาสินี ลาออก ”

พญ.เชิดชู กล่าวถึงกรณี ทพ.กฤษฎา และรศ.ดร.วิลาสินี ร่วมลงนามซื้อหุ้นกู้ซีพีเอฟจนต้องลาออก โดยนพ.ยงยุทธ  ยื่นเอกสารในชั้นศาลว่า ไทยพีบีเอสสั่งตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว พบว่า ทพ.กฤษฎาและรศ.ดร.วิลาสินีไม่มีความผิดซื้อหุ้นกู้ได้ แต่จริงๆเป็นที่น่าสงสัยว่า กองทุนไทยพีบีเอสได้มาจากภาษีบาปสองพันกว่าล้าน แล้วจำเป็นหรือเปล่าที่ซื้อหุ้นกู้เหมือนทำธุรกิจ ซึ่งเราไม่รู้ว่าคำตอบคืออะไร

“แต่ที่แน่ๆ ทันทีที่ทพ.กฤษฎาลาออก  รศ.ดร.วิลาสินี  ก็ได้รับสรรหาเป็นผอ.ไทยพีบีเอส เพราะฉะนั้นพนักงานไทยพีบีเอสคงรับรู้เรื่องว่า พญ.เชิดชู มีประเด็นอยู่กับ นพ.ยงยุทธ  ทำให้พนักงานไทยพีบีเอสเขียนจม.มาถึงหมอว่า เป็นประโยชน์ทับซ้อนหรือเปล่า 

“การที่ดร.สุปรีดาเป็นสามีของรศ.ดร.วิลาสินี แล้วมาเป็นกรรมการสรรหาเลือกรศ.ดร.วิลาสินี  ซึ่งมีจม.ไทยพีบีเอสร้องเรียนมาถึงสำนักข่าวต่างๆและมาถึงหมอด้วย ซึ่งเรารับทราบและไม่รู้จะทำอย่างไรได้  ฉะนั้น มีความเกี่ยวพันระหว่างสสส.กับไทยพีบีเอส  และปัจจุบันนี้ ผอ.ไทยพีบีเอสเป็นภรรยาของผู้จัดการ สสส.เลือกกันไปเลือกกันมา”

พญ.เชิดชู ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า   อย่าลืมว่าสสส.ให้งบประมาณสนับสนุนองค์กรสื่อเยอะมาก  เช่น มีการจัดตั้งสถาบันอิศรา  ตั้งมูลนิธิอิศรา เคยมีการออกรายการ “เถียงกันให้รู้เรื่อง ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ”  วันนั้นมีคนแย้งว่าสถาบันอิศราไม่สามารถรับเงินสสส.ได้  แต่มูลนิธิรับได้ เคยเป็นข่าวแต่ตอนนี้ถูกลบไปแล้ว  มูลนิธิอิศรารับเงินสสส.ไปแล้วเกือบร้อยล้านมีชื่อผู้บริหารสื่อที่มาเป็นกรรมการสรรหาผอ.ไทยพีบีเอส

“ทั้งผู้บริหารองค์กรสื่อ  ทั้งผู้จัดการสสส.  ตรงนี้เป็นความสัมพันธ์ทางกฎหมาย  สามีเลือกภรรยาได้ ซึ่งตรงนี้ ก็คือผลประโยชน์ทับซ้อนเอื้อประโยชน์ระหว่างสสส.กับไทยพีบีเอสหรือไม่

พญ.เชิดชู ใช้เวลาต่อสู้คดีนี้ถึงห้าปี ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ที่ต้องการรักษาผลประโยชน์องค์กรสื่อสาธารณะที่กินภาษีบาป สองพันกว่าล้านบาท ในที่สุด ศาลฏีกายกคำร้องให้เธอชนะคดี

พญ.เชิดชู เห็นพ้องกับอดีตกรรมการนโยบายไทยพีบีเอสหลายท่านว่า ไทยพีบีเอสสมควรต้องได้รับการทบทวนแก้ไขกฎหมาย ขจัดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ผลิตรายการให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ชม

“ที่ผ่านมามีการตรวจสอบหรือไม่ว่า มีคนดูไทยพีบีเอสกี่คน บางคนบอกไม่มีคนดูเลย ดิฉันไม่เคยดู” พญ.เชิดชู กล่าวทิ้งท้ายเพื่อหวังให้มีการรื้ออาณาจักรไทยพีบีเอสกันสักที

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

แนะยุบ กกต.ทิ้ง เทพไท แฉ เลือกตั้ง อบจ.เมืองคอนซื้อเสียงเปิด เผย โวย กกต.นั่งดูตาปริบๆ แนะยุบทิ้งดีกว่ามั้ย
"เชน ธนา" พาสื่อทัวร์โกดัง ยันสินค้าอยู่ครบ ไม่ได้แอบขายเอาเงินไปใช้ตามข่าว ย้ำชัดไม่ได้โกงคู่กรณี
ตร.จ่อเรียก “เอก สายไหมฯ” สอบอีกครั้ง หลังให้การขัดแย้งพยาน
"สปป.ลาว" ออกแถลงการณ์ "เสียใจสุดซึ้ง" ปม นทท.เสียชีวิตดื่มเหล้าเถื่อน ยันเร่งนำตัวคนร้ายมาลงโทษ
บุกจับ ! พ่อค้ายากระโดดระเบียง สูงกว่า 2.5 เมตร หนี คิดว่าจะหนีรอด เพราะ ปลัดหน้าไม่โหด
ไฟไหม้ ! ร้านกาแฟวอดหมดทั้งหลัง เจ้าหน้าที่คาดสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรมูลค่าความเสียหายกว่า 700,000 บาท
ทั้งเจ็บ ทั้งจำ หนุ่ม เบญจเพสซวยสองเด้ง ถูกวัยรุ่นทำร้าย ถูกจับพกยาไอซ์ซ้ำ
หนุ่มจิตเวชคลั่ง จุดไฟ-ถือมีดขู่ชาวบ้าน ตำรวจกู้ภัยระงับเหตุทันควัน
ดุเดือดทิ้งทวน.. 2 ตัวเต็งผู้สมัครนายก อบจ.เมืองคอน เปิดเวทีประชันปราศรัยหาเสียงห่างกันแค่ 300 เมตร คนนับหมื่นแห่ลุ้นเชียร์ทั้งสองฝ่าย -"เทพไท"ออกโรงแฉวงจรอุบาทว์จดชื่อซื้อเสียงรายหัว- ชี้หาฝ่ายชื่อเสียงชนะเลือกตั้ง สรุปว่า"กระสุนชนะกระแส" /จวกยับ กกต.มีไว้ทำไม
"ประเสริฐ" ยัน แจกเงิน 10,000 เฟส 2 ไม่หวังผลการเมืองอบจ. แย้มเฟส 3 ระบบแอปฯทางรัฐ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น