วันที่ 13 มิ.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ได้มีผู้ประสบเหตุได้โพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊กส่วนตัว เพื่อแจ้งเตือนภัย จากที่ได้ประสบเหตุการณ์ด้วยตนเองจากแก๊งปาหินใส่กระจกหน้ารถเก๋ง แต่รอดชีวิตมาได้ โดยได้โพสต์ข้อความว่า “ เตือนภัย! เมื่อคืนวันที่ 11 มิ.ย. 65 ขับรถจากรัตนบุรีมาถึงบ้านน้ำเขียว เวลาประมาณเกือบตี 1 เลยสะพานประมาณ 15 เมตร มีก้อนหินขนาดใหญ่ลอยมาจากฝั่งขวาคนขับ โดนที่ปัดน้ำฝนแตกหัก และโดนกระจก พอดีไม่ได้ขับรถเร็ว กระจกเลยไม่แตก เกรงว่าจะเป็นอันตรายเลยไม่ได้จอดลงไป ขับรถผ่านดึกๆระวังกันด้วยนะครับ” ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าวนี้ โดยได้พบกับเจ้าของอู่ซ่อมรถดังกล่าว ซึ่งอยู่ในตัวอำเภอรัตนบุรี โดยได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าตนเป็นผู้ที่โพสต์ข้อความดังกล่าว เพื่อเตือนภัย
โดยหนุ่มเจ้าของอู่ซ่อมรถ ได้เล่าเหตุการณ์คืนนั้น ( วันที่ 11 มิ.ย. 2565) ให้ฟังว่า หลังจากที่ตนเสร็จงานที่ร้านตอนนั้นเวลาประมาณเกือบจะตี 1 ตนและภรรยาก็ได้ขับรถเก๋ง ซึ่งเป็นรถของแม่ยาย เพื่อเดินทางกลับไปพักผ่อนที่บ้านโกส้ม ต.น้ำเขียว อ.รัตนบุรี ซึ่งเป็นบ้านของภรรยา ตามเส้นทางจากอำเภอรัตนบุรีไปอำเภอท่าตูม จ.สุรินทร์ ห่างจากตัวอำเภอรัตนบุรีออกไปประมาณ 7 กม. ในขณะที่ตนขับมาถึงสะพานข้ามกุดน้ำเขียว ต.น้ำเขียว อ.รัตนบุรี ก่อนถึงบ้านโกส้ม ขับเลยมาได้ประมาณ 15 เมตร ก็ได้มีหินก้อนใหญ่ลอยมาตกกระแทกโดนหน้ารถของตนที่นั่งมากับภรรยา 2 คน และก้อนหินได้กระแทกโดนก้านปัดน้ำฝนหน้ารถด้านขวาด้านคนขับจนที่ปัดน้ำฝนแตกหักกระจัดกระจาย และยังกระแทกโดนกระจกหน้ารถด้วย แต่โชคดีที่กระจกไม่แตก เนื่องจากตนขับรถไม่เร็ว ซึ่งในขณะนั้นตนก็ได้สังเกตเห็นว่ามีกลุ่มคนยืนจับกลุ่มกันอยู่ฝั่งทางขวามือของถนนที่ตนขับผ่านมา ซึ่งเป็นฝั่งของคนขับและเป็นฝั่งที่ถูกหินปาใส่กระจกรถ แต่ในขณะเกิดเหตุตนไม่ได้จอดรถลงไปดู เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน จึงได้รีบขับรถกลับบ้าน ก่อนจะลงมาสำรวจความเสียหาย ซึ่งก็พบว่า ก้านปัดน้ำฝนแตกหักไป 1 ข้างที่ฝั่งคนขับ และอีกข้างก็โดนเศษหินกระแทกแตกเสียหายเช่นกัน และที่ฝากระโปรงรถก็มีรอยหินกระแทกใส่จนเกิดเป็นรอย และหินยังแตกกระจายมีเศษหินกระเด็นไปโดนส่วนต่างๆที่บริเวณกระจกอีกด้วย แต่โชคดีที่กระจกไม่แตกเนื่องจากตนขัวรถไม่เร็ว ไม่อย่างนั้นตนและภรรยาคงได้รับบาดเจ็บแน่ เพราะเป็นหินก้อนใหญ่ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น รุ่งเช้าตนก็ได้สำรวจความเสียหายอีกที ก็พบว่าส่วนอื่นๆก็ไม่มีอะไรเสียหายมาก นอกจากที่ปัดน้ำฝนแตกหักไปเพียง 1 ข้างเท่านั้น ซึ่งตนก็ไม่อยากที่จะมีเรื่องมีราว เพราะไม่เคยมีเรื่องกับใคร จึงไม่ได้ไปแจ้งความกับตำรวจ ก็เลยเพียงแค่อยากโพสต์เตือนภัยให้ระวังอันตรายสำหรับคนที่ต้องเดินทางกลางดึก ซึ่งในคืนวันนั้นน่าจะมีหนังกลางแปลงบริเวณแถวนั้น กลุ่มวัยรุ่นจึงได้ออกมาเที่ยวกันดึกดื่น
สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ นับว่าเป็นเหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุแก๊งปาหินใส่รถขึ้นอีกครั้ง หลังจากเมื่อหลายปีก่อนนั้น ก็ได้เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ที่บริเวณบ้านหนองกา – สำโรง ต.รัตนบุรี เส้นทางจากอำเภอรัตนบุรี ไปอำเภอท่าตูม ก่อนถึงสะพานข้ามกุดน้ำเขียว ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น แก๊งปาหินได้ปาใส่ผู้ที่ขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาจนตกถนน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถติดตามจับกุมแก๊งคนร้ายที่ปาหินมาได้ ซึ่งสาเหตุก็เกิดจากความเมาคึกคะนอง จนกระทั่งมาเกิดเหตุขึ้นอีกในครั้งนี้ .
ภาพ/ข่าว ชูชัย ดำรงสันติสุข ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์