วันที่ 3 กรกฎาคม 2564 รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมรับมือสูงสุดกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอก 4 ที่กำลังลุกลามอย่างหนักในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยมีเนื้อหาดังนี้…
กิจการของทีมเราวันนี้ ต้องดูแลผู้ป่วยโควิดใช้เครื่องช่วยหายใจ 6 ราย ไฮโฟลว์ 1 ราย ได้สุ่มตรวจสายพันธุ์เชื้อไป 3 ราย พบเดลตาเสีย 2 ราย เป็นดังคาดว่าสายพันธุ์นี้กำลังจะเป็นสายพันธุ์หลักในกทม. ส่วนที่ว่าจะรุนแรงกว่าสายพันธุ์แอลฟาหรือไม่ยังไม่สามารถสรุปได้ แต่ที่เห็นได้ชัดเจนคือ เกิดปอดอักเสบทั้งสามระยะเร็วกว่าสายพันธุ์เดิม 3-5 วัน
ในบรรดาผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ รายแรกปอดเป็นพังผืดเรื้อรังรักษามากว่าหนึ่งเดือน รายที่สองถึงสี่ปอดอักเสบมากว่าหนึ่งสัปดาห์ ส่วนสองรายหลังเพิ่งมีอาการไม่ถึงสัปดาห์ ถ้าเราสามารถแสวงหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายได้ ทั้งยาต้านไวรัสและยาลดภูมิคุ้มกันของร่างกายที่แสดงออกมากเกิน รวมไปถึงป้องกันและรักษาภาวะแทรกซ้อนเพื่อไม่ให้เกิดอวัยวะอื่นล้มเหลว หรือปอดอักเสบยืดเยื้อจนเกิดเป็นพังผืด น่าจะช่วยรักษาชีวิตและคุณภาพชีวิตของผู้เจ็บป่วยได้ดีกว่านี้ ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมวิชาการที่เราริเริ่มทำกันครั้งแรกในวันนี้ ใครสนใจลองติดตามเอกสารประกอบได้จากเวบไซต์สมาคมอุรเวชช์ฯ แม้เราจะทำงานกันหนักหน่วง แต่การพัฒนาความรู้ความสามารถเพื่อประโยชน์ผู้ป่วย เป็นเรื่องที่เราพยายามพัฒนาตัวเองต่อเนื่อง
ผ่านมาห้าวันแล้วสำหรับมาตรการล็อคดาวน์แบบจำกัดขอบเขต หลายคนเริ่มกังวลเพราะยอดผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจที่ผมเลือกเป็นดัชนีชี้วัดยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าในอีก 5 วันข้างหน้ายังไม่มีแนวโน้มลดลง ท่าทางมาตรการดังกล่าวน่าจะไม่เพียงพอเสียแล้ว ขณะนี้ประชาชนทุกคนต้องเข้มงวดกับการป้องกันการเกิดโรคทั้งต่อตัวเองและต่อคนรอบข้างที่เรารัก สถานการณ์ผู้ป่วยโควิดล้นเกินตกค้างในชุมชนกลับมาหลอกหลอนเราอีกครั้ง รวมถึงเตียงในทุกระดับของโรงพยาบาลที่ไม่เพียงพอกับผู้ป่วยรายใหม่รายวัน คิดไปแล้วก็ห่วงทั้งฟากฝั่งที่ออกมานั่งกินอาหารร่วมกันแบบไม่ป้องกันดังในรูปเปรียบเทียบ และฟากฝั่งที่รวมตัวเรียกร้องทางการเมืองพร้อมด้วยกิจกรรมค้าขาย ภาวนาอย่าให้มีใครจากทั้งสองฝ่ายเจ็บป่วยจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นมาเลย
แม้เป้าหมายการควบคุมการระบาดระลอกสี่นี้ดูจะช่างยากเย็นแสนเข็ญ เป้าหมายมีไว้วิ่งชนสำหรับคนที่ไม่ยอมแพ้โชคชะตาและไม่ยอมหยุดนิ่งอยู่กับที่ เตรียมพร้อมขั้นสูงสุดรับมือโควิดระลอกสี่