"น้ำมันแพง" ดร.พรายพล แนะรัฐเปลี่ยนวิธีคำนวณราคาอ้างอิงหน้าโรงกลั่น เชื่อมีโอกาสที่จะสามารถช่วยให้น้ำมันถูกลงได้ถึงลิตรละ 2 บาท ซึ่งทำได้เลยไม่ยุ่งยาก
ข่าวที่น่าสนใจ
ศ.ดร.พรายพล ระบุ เป็นเพราะสงครามรัสเซีย – ยูเครน ทำให้พันธมิตรของยูเครน ยุโรปตะวันตก และสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมัน และก๊าชธรรมชาติของรัสเซีย ในฐานะเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก จึงทำให้น้ำมันขาดแคลน ราคาจึงสูงขึ้น อีกทั้งการระบาด โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง หลายประเทศเริ่มฟื้นตัว เศรษฐกิจเริ่มขยายตัว หลายประเทศมีความต้องการใช้น้ำมันสูงขึ้น โรงกลั่นหลายโรงปิดตัวลง หรือระงับการผลิตลงไปค่อนข้างมาก กำลังการกลั่นน้ำมันท่ามกลางความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อปี พ.ศ. 2562 รัฐบาลออกกฎหมาย พ.ร.บ. ขึ้นมากำหนดทิศทางของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาขายปลีก และราคาน้ำมันหน้าปั๊มในประเทศไทย เมื่อราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ รัฐบาลก็จะสามารถนำเงินในกองทุนออกมาอุดหนุน ทำให้ราคาหน้าปั๊มก็ไม่สูงขึ้นเท่าราคาตลาดโลก แต่หากราคาตลาดโลกลดลง รัฐบาลก็จะเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเข้ากองทุน ช่วยให้ราคาขายปลีกลดลง แต่ไม่ได้ลดลงมากเท่ากับราคาตลาดโลก ช่วยทำให้ราคาขึ้นน้อยลงน้อย
“สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน พบราคาน้ำมันในตลาดโลกยังสูงขึ้นอยู่ และต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ราคาน้ำมันมันสูงขึ้นผิดปกติ ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ และมีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบไปมาก นอกจากกู้แล้ว รัฐบาลยังต้องนำเงินมาช่วยสนับสนุน”
ศ.ดร.พรายพล กล่าวถึงมุมมองในการแก้ปัญหาราคาน้ำมันที่ยังแพงสูงขึ้น ควรต้องมีการวิเคราะห์สถานการณ์ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าปัญหาหลักคือมาจากสงครามรัสเซีย – ยูเครน คาดการณ์ไว้ประมาณไม่เกิน 2 เดือน น่าจะจบลง ราคาน้ำมันก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่สถานการณ์ยังคงยืดเยื้อไปมาก ก็มองว่ารัฐบาลควรอุดหนุนเงินในกองทุนเท่าที่กำลังการเงินของรัฐบาลในประเทศไทยมี ต้องมีการประเมินฐานะทางการเงินการคลังของรัฐบาลด้วย รวมถึงคิดต่อยอดไปในอนาคตว่าจะสามารถอุดหนุนราคาน้ำมันได้มากน้อยเพียงใด และทำการประเมินสถานการณ์ทุกเดือน ด้วยความหวังที่ว่าสงครามจะจบลง
“เห็นด้วยกับคุณกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ที่ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กถึงประเด็นภาระของกองทุนน้ำมัน และของประชาชนถูกซํ้าเติมด้วยการทำกำไรเกินควร โดยโรงกลั่นนํ้ามัน เพราะจากสถิติ 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ต้นปี จากบาทกว่า ขึ้นเป็น 2 บาทกว่า ล่าสุด จาก 3 เดือนที่ผ่านมา กระโดดขึ้นเป็น 5 บาทกว่า สูงขึ้นเพียง 3 เท่า แต่ต้องยอมรับว่ามันสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ถือเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาราคาน้ำมันสูง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเฉพาะประเทศไทย ประเทศอื่นก็เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน”
ดังนั้น “น้ำมันแพง” จึงอยากแนะนำให้รัฐบาลที่อยู่ระหว่างการหารือและคิดกันอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้ค่าการกลั่นที่มันสูงขึ้นได้ลดลง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาหน้าปั๊มมีราคาสูงขึ้น ว่าควรมีวิธีการคำนวณราคาหน้าโรงกลั่นใหม่ ซึ่งมีเทคนิคในการคำนวณ
“เอาค่าเฉลี่ยต่ำสุดมาคิดคำนวณ และหักค่าขนส่งออก ช่วยทำให้ราคาลงกัน ลดลงได้ถึงลิตรละ 2 บาท มีโอกาสที่จะสามารถทำได้ รัฐบาลน่าจะพิจารณาลองดูว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งทำได้เลยไม่ยุ่งยาก เป็นอำนาจของกระทรวงพลังงาน อำนาจของรัฐบาล ควรนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม. กับ โรงกลั่น เพราะไม่มีสัญญาหรือต้องเปลี่ยนกฎหมายใด ๆ”
แต่ที่ยังไม่ดำเนินการเปลี่ยนวิธีคำนวณราคาหน้าโรงกลั่นใหม่ มองว่า ผู้มีอำนาจในส่วนนี้มองธุรกิจโรงกลั่นเป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่ควรเข้าแทรกแซง อยากให้กลการการตลาดได้ทำงานอย่างเต็มที่ เหมือนทำลายบรรยากาศการลงทุนของผู้ลงทุนซึ่งเป็นชาวต่างชาติ หรืออาจเกิดปัญหาการฟ้องร้องที่ตามมาได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือกันในเรื่องของฝ่ายกฎหมายและความเป็นไปได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง