วันที่ 16 มิ.ย.65.-นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมและยินดีที่ตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนของไทยยังคึกคักในงาน “OTOP Midyear 2022 : สุขช้อป สุขใจ สุขทั่วไทยไว้ในที่เดียว” ระหว่างวันที่ 4 – 12 มิถุนายน 2565 มียอดขายสินค้ารวมเกือบ 600 ล้านบาท เชื่อมั่นผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือ OTOP (One Tambon One Product) ของไทยมีศักยภาพ สามารถพัฒนา และต่อยอดก่อนส่งออกตลาดต่างประเทศ
นายกฯ ปลื้มงาน “OTOP Midyear 2022 : สุขช้อป สุขใจ สุขทั่วไทยไว้ในที่เดียว” เงินสะพัดเกือบ 600 ล้าน เชื่อมั่นในศักยภาพผลิตภัณฑ์ชุมชน OTOP กำชับทุกหน่วยงานร่วมผลักดันสินค้าภูมิปัญญาไทยออกสู่ตลาดนานาชาติ
ข่าวที่น่าสนใจ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทย ได้จัดงาน มหกรรมสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน “OTOP Midyear 2022 : สุขช้อป สุขใจ สุขทั่วไทยไว้ในที่เดียว” ระหว่างวันที่ 4 – 12 มิถุนายน 2565 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คชาเลนเจอร์ 1-3 เมืองทองธานี ซึ่งประสบความสำเร็จ มีผู้ผลิตและผู้ประกอบการ OTOP ลงทะเบียนจำนวน 2,500 ราย รวม 25,000 ผลิตภัณฑ์ มียอดจำหน่าย 9 วันรวมกว่า 573 ล้านบาท มีสินค้าเป็นที่สนใจได้รับความนิยม อาทิ เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย ของใช้และของตกแต่ง และอาหาร เป็นต้น
โดยการจัดครั้งนี้ ประสบความสำเร็จภายใต้การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจเข้าชมและเลือกซื้อสินค้ากว่า 164,130 คน บรรลุเป้าหมายการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ OTOP จากชุมชนต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดความเข้มแข็ง กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น บรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อีกทั้งเป็นโอกาสพัฒนา ยกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP โดยรัฐบาลได้สนับสนุนการเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชน และช่องทางการจำหน่ายเชิงรุกเพื่อโอกาสการส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ
“นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นการสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ผ่านการส่งเสริมให้ประชาชนมีอาชีพ มีงานทำ และสร้างรายได้จากโครงการ OTOP โดยกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญผลักดันอัตลักษณ์ ความเป็นไทย ต่อยอดเพิ่มมูลค่า ผ่านผลิตภัณฑ์ชุมชนออกสู่ตลาดต่างชาติเพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสขับเคลื่อน Soft Power ให้มีประสิทธิภาพไปพร้อม ๆ กับการสร้างเศรษฐกิจฐานรากของไทยให้มั่นคงและเข้มแข็งยิ่งขึ้น”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-