เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์รูปภาพนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่ถ่ายภาพร่วมกับนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ประธานสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อดีตแกนนำนปช. และผู้ต้องหาคดี 112 และนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ถูกหมายจับตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งลี้ภัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส พร้อมระบุข้อความว่า “ภาพมันฟ้อง ทุกสิ่งทุกอย่างมันคือการจำลองรูปแบบมาจากปารีส-ฝรั่งเศส กรรมเป็นเครื่องแสดงเจตนา แม้ปฏิเสธทุกครั้ง แต่วิถีที่ประพฤติปฏิบัติยังคงเป็นเช่นนั้น คบคนเช่นไรก็เป็นคนเช่นนั้น การไปคบค้าสมาคมเปิดเผยตัวร่วมกับศัตรูของแผ่นดิน ต่างกรรมต่างวาระ มิใช่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว แต่เป็นมานาน ทั้งนำเรื่องทางวิชาการมาบังหน้า ทั้งใช้ทุนหลวงอันเกิดจากภาษีประชาชนนำไปสร้างเครือข่ายกับชาวต่างชาติ ขี้ข้าลัทธิคอมมิวนิสต์ สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี มันบ่งบอกถึงความคิดของคนกลุ่มนี้ว่าคิดอย่างไรกับการปกครองของไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งเป็นข้อบทสำคัญตามรัฐธรรมนูญไทยด้วย”
'เทพมนตรี' เปิดภาพ 'ปิยบุตร-มิตรสหาย' บอกคบคนเช่นไรก็เป็นคนเช่นนั้น ตอกย้ำกรรมเป็นเครื่องแสดงเจตนา นำเรื่องวิชาการมาบังหน้า ใช้ทุนหลวงภาษีประชาชนสร้างเครือข่ายกับชาวต่างชาติ ขี้ข้าลัทธิคอมมิวนิสต์
ข่าวที่น่าสนใจ
นายเทพมนตรี ระบุต่อว่า “อีกทั้งเมื่อเป็นคนไทยยังควรต้องทำหน้าที่ปวงชนชาวไทยในรัฐธรรมนูญ แต่กระนั้นเราไม่เคยเห็นพวกเขาอบรมสั่งสอนสานุศิษย์ในระดับต่างๆ พวกเขาใช้รัฐธรรมนูญอย่างพร่ำเพ้อเฉพาะในข้อที่เขาต้องการนำมาอ้างอิง สิทธิเสรีภาพ ตามบทบัญญัติ ซึ่งเขานำมาปรับใช้กันได้เกินขอบเขตจนไปละเมิดผู้อื่น และละเมิดองค์เหนือหัวอันเป็นประมุขตัวแทนสถาบัน”
“การละเมิดของเขาไม่ใช่เป็นเรื่องทางการเมือง แต่เป็นการละเมิดกฎหมาย แต่เขาเอาเรื่องการเมืองยกมาเป็นข้ออ้างว่าถูกกลั่นแกล้ง เพื่อให้เป็นนักโทษทางการเมืองเสียแบบนั้น ซ้ำร้ายถ้าพ่ายแพ้ก็จะยกเป็นข้ออ้างในการลี้ภัย ผลกรรมที่เขาทำกันไว้กับประเทศนี้คือความโสมม เลอะเทอะ สร้างความแตกแยกร้าวฉานกับเด็ก เยาวชนและขี้ข้า แต่มิกล้านำหน้า ออกตัวที่จะเป็นผู้นำ อย่างพวกผีบุญในอดีตเหยื่ออันโอชะของเขาส่วนใหญ่อยู่อาศัย เรียนหนังสือในประเทศนี้ กล้าหาญออกมาจนต้องคดีกันเป็นโขยง บ้างได้เศษเงิน บ้างได้รับบริจาค บ้างได้ชื่อเสียงว่าเป็นคนเลว แต่สุดท้ายล้วนเป็นนักโทษต้องคดี ในขณะเดียวกันพวกเขาเลือกที่จะเป็นอีแอบ หลบหนีไปทำการชักใยนอกประเทศฝากแฝงในคราบนักวิชาการคาบพระคัมภีร์ซาตาน!” นายเทพมนตรี ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง