"Revlon Thailand" ประกาศ เดินหน้าต่อ หลัง เรฟลอน บริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่ และเก่าแก่เกือบร้อยปีของสหรัฐฯ ยื่นล้มละลาย หนี้ท่วม ต้นทุนพุ่ง เงินเฟ้อ
ข่าวที่น่าสนใจ
การยื่นฟ้องล้มละลายครั้งนี้ เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ทั้งจากปัญหาห่วงโซ่การผลิต ที่ทำให้บริษัทมีปัญหาในการจัดการสินค้าคงคลัง โดยวัตถุดิบจากจีนไปยังสหรัฐฯ นั้นต้องใช้เวลา 8 ถึง 12 สัปดาห์ และวัตถุดิบมีราคาเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า จากปี 2019 นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเริ่มงดใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็น อีกทั้งมีเครื่องสำอางแบรนด์ใหม่ ๆ จากอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง มาแย่งส่วนแบ่งตลาดผู้บริโภคอายุน้อยอีกด้วย เช่น แบรนด์กลอสเซีย (Glossier) ของ ไคลี่ เจนเนอร์ หรือ เฟนตี้ บิวตี้ (Fenty Beauty) ของ ริฮานน่า
ก่อนหน้านี้ เรฟลอน เคยเกือบจะต้องล้มละลายไปแล้ว จากช่วงการระบาดของ โควิด-19 เมื่อปี 2020 ที่ทำให้ผู้บริโภคไม่ออกจากบ้าน และลดการซื้อเครื่องสำอาง ทำให้ยอดขายลดลง 21 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2019 แม้ว่าปีที่แล้ว ธุรกิจจะเริ่มฟื้นตัว แต่รายได้ก็ยังต่ำกว่าระดับก่อนเกิดการระบาด
ทั้งนี้ เรฟลอน ก่อตั้งในปี 1932 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในมหานครนิวยอร์ก เริ่มทำธุรกิจด้วยการจำหน่ายยาทาเล็บจนได้รับความนิยม ก่อนจะขยายธุรกิจสู่การจำหน่ายลิปสติก และแตกแขนงไปสู่การขายเครื่องสำอางจนเติบโตเป็นแบรนด์ระดับโลกเมื่อปี 1955 ปัจจุบัน เรฟลอน เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก มีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและน้ำหอมจำหน่ายใน 150 ประเทศทั่วโลก
สำหรับ เรฟลอน นั้น ถือเป็นบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่รายแรกที่ยื่นขอล้มละลาย จากภาวะซบเซาของภาคการค้าปลีก ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องหลายปี บริษัท เอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจน (S&P Global Market Intelligence) เผยว่า การยื่นล้มละลายในปีนี้ในสหรัฐฯ มีไปแล้วทั้งหมด 143 บริษัท ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมาก และจากสถานการณ์ในขณะนี้ที่อัตราเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และผู้บริโภคเริ่มประหยัดการใช้จ่าย ทำให้ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าจะมีบริษัทค้าปลีกอีกจำนวนมากที่จะถูกกดดันให้ปรับโครงสร้างใหม่เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไป
ล่าสุด “Revlon Thailand” โพสต์ ประกาศ จะยังคงอยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ ต่อไปค่ะ ขอบคุณที่สนับสนุนเรฟลอนนะคะ
“R e v l o n Thailand ขอขอบคุณสำหรับความรักและการสนับสนุนที่ดีเสมอมา Revlon Thailand จะยังคงอยู่ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ทุกท่านชื่นชอบ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เราจะอยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ ต่อไปค่ะ”
ภาพ : Revlon @revlon
ข่าวที่เกี่ยวข้อง