วันนี้ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศปลดล็อกกัญชาอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนสามารถปลูกกัญชา และมีพืชกัญชาไว้ในครอบครองได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งวัตถุประสงค์ของภาครัฐในการปลดล็อกกัญชาครั้งนี้ มุ่งเน้นในการนำพืชกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจึงได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายดำเนินการประชาสัมพันธ์ รณรงค์ ให้ความรู้ แก่ประชาชนในการใช้กัญชาเพื่อสุขภาพ ซึ่งสบส.ได้ดำเนินการประชุมหารือร่วมกับเครือข่ายประธานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. และเครือข่ายสุขภาพทั่วประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ทางไกลเพื่อประสาน ขอความร่วมมือจากพี่น้อง อสม. 1.05 ล้านคน ในการทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงในการรณรงค์ และถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับพืชกัญชา ทั้งคุณประโยชน์ และผลกระทบที่อาจจะเกิดจากการเสพกัญชาเกินขนาด รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามหลัก “รับ รู้ ปรับ ใช้” ได้แก่ 1.รับข้อมูล ข่าวสารด้านกัญชาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ 2.รู้ข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาที่ถูกต้อง 3.ปรับการใช้กัญชาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย และ 4.ใช้กัญชาเพื่อสุขภาพและรักษาโรค เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในการใช้กัญชาทางการแพทย์ในชุมชนอย่างถูกต้องเหมาะสม แทนที่จะใช้เพื่อสันทนาการ
สธ.ประสาน อสม. สร้างความเข้าใจกัญชาทางการแพทย์
ข่าวที่น่าสนใจ
ด้าน นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า แม้พืชกัญชาจะมีสรรพคุณทางการแพทย์ในการบรรเทาอาการได้หลากหลายโรค และประโยชน์ที่เกี่ยวกับสุขภาพด้านอื่นๆก็ตาม แต่ยังมีกลุ่มผู้ที่ควรระมัดระวังในการใช้กัญชา อาทิ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ผู้ที่มีอาการตับและไตบกพร่อง ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือด และผู้ที่ใช้ยาที่มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง เป็นต้น
ดังนั้นขอให้ประชาชนศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน โดยอาจจะสอบถามข้อมูลในการใช้กัญชาทางการแพทย์จากหน่วยงานสาธารณสุข หรือบุคลากรสาธารณสุขอย่าง อสม.ที่อยู่ใกล้บ้าน และหากต้องการจะปลูกหรือครอบครองกัญชาก็ขอให้สอบถามข้อมูลจากสายด่วน กัญชง กัญชา 1556 กด 3 เพื่อให้การใช้หรือครอบครองพืชกัญชาเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง