โรเบิร์ต ฮาเบ็ค รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจกล่าวว่า เยอรมนีจะต้องทำทุกอย่างเพื่อสำรองก๊าซไว้ใช้ให้ได้มากที่สุด สืบเนื่องจากการที่รัสเซียส่งก๊าซให้ลดลง ทำให้เยอรมนีต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสำรองพลังงาน โดยรัฐบาลได้วางแผนอนุมัติเงินกู้มูลค่า 1หมื่น 5 พันล้านยูโร (ประมาณ 5 แสน 2 หมื่น 8 พัน ล้านบาท) ผ่านธนาคารรัฐ เพื่อส่งไปซื้อก๊าซจากศูนย์กลางการค้าตลาดก๊าซแห่งยุโรป หรือ THE ( Trading Hub Europe) ส่วนภาคธุรกิจจะช่วยสำรองก๊าซเพิ่มเติมผ่านกลไกการประมูลก๊าซ ซึ่งฮาเบ็คจะเปิดตัวการประมูลดังกล่าวในฤดูร้อน แนวคิดคือการสร้างแรงจูงใจให้บริษัทต่างๆ ซื้อก๊าซเก็บสำรองเอาไว้ และหากว่าไม่ได้ใช้ พวกเขาก็สามารถนำมาปล่อยขายในตลาด THE ได้
ทั้งนี้ เยอรมนีต้องลดการใช้ก๊าซและเก็บสำรองก๊าซให้มากขึ้น เพื่อเตรียมไว้ใช้ในฤดูหนาว โดยกระทรวงเศรษฐกิจเชื่อว่า การขาดแคลนก๊าซอันเนื่องมาจากอุปทานที่ลดลงจากรัสเซีย จะยังคงสามารถหาพลังงานมาทดแทนได้ และคลังจะสามารถเก็บสำรองพลังงานได้เต็มทันเวลา ถึงแม้ว่าจะมีราคาสูงขึ้นก็ตาม
อย่างไรก็ดี บทบาทของก๊าซในการผลิตไฟฟ้าก็จะลดลงเช่นกัน มีรายงานว่า ฮาเบ็ค วางแผนที่จะใช้โรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงให้มากขึ้น โดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กำลังอยู่ในช่วงดำเนินการพิจารณาในรัฐสภาเยอรมัน และคาดว่าจะประกาศใช้ภายในวันที่ 8 กรกฎาคม โดยฮาเบ็คยอมรับว่า คงจะต้องกลับมาใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเนื่องจากมลภาวะ แต่ในสถานการณ์นี้ ที่จำเป็นต้องลดการใช้ก๊าซเพียงอย่างเดียว เราจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อเก็บพลังงานให้ได้มากที่สุดในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง
ตามรายงานของสื่อเยอรมัน โดยอ้างจากหน่วยงานเครือข่ายกลาง (Federal Network Agency) ปัจจุบันคลังเก็บก๊าซในเยอรมนี มีปริมาณบรรจุอยู่ที่ประมาณ 56.7เปอร์เซ็นต์ แผนของรัฐบาลคือการเติมให้เต็ม 80 เปอร์เซ็นต์ ภายในวันที่ 1 ตุลาคมและ 90 เปอร์เซ็นต์ในต้นเดือนพฤศจิกายน
ขณะนี้ แกซพรอมได้ชะลอการส่งมอบก๊าซของแกซพรอมไปยุโรป เนื่องจากรัสเซียอ้างว่า บริษัทซีเมนส์ล้มเหลวในการส่งมอบคืนอุปกรณ์ให้โรงก๊าซ ทำให้ขณะนี้ราคาพลังงานในยุโรปเพิ่มสูงขึ้น และทำให้ปริมาณก๊าซสำรองในยุโรปลดลงเป็นครั้งแรกในรอบสองเดือน