เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 23 มิ.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 8 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยมีนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาต่อนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ถึงเรื่องปัญหาราคาน้ำมันแพงว่า ตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนเรื่องพลังงานโดยเฉพาะราคาน้ำมัน และจะลามไปถึงแก๊สกับไฟฟ้า แต่รมว.พลังงานไม่ต้องตอบว่าเขาเดือดร้อนทั่วโลกจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เพราะภาวะความเป็นผู้นำต้องแก้ปัญหาภาวะวิกฤตให้มาเป็นโอกาส แต่รัฐบาลโดยนายกฯได้สร้างวิกฤตครั้งหนึ่งแล้วเอาโอกาสมาเป็นนายกฯ จากนั้นไม่เคยนำวิกฤตมาเป็นโอกาสอีกสักครั้ง ปล่อยการบริหารงานเป็นไปตามยถากรรม ตอนนี้เดือดร้อนจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการใช้รถ แต่เดือดร้อนไปถึงชาวนาที่วันนี้เขาไม่มีเงินจ้างรถไถนา อีกทั้งปัญหาราคาปุ๋ยก็แพงขึ้น นายสุพัฒนพงษ์ถือเป็นลูกหม้อ เพราะก่อนมาเป็นรมว.พลังงานก็มาจากกระบวนการน้ำมัน ท่านย่อมรู้ดี และใกล้ชิดนายกฯด้วย ต้องหาวิธีแก้วิกฤต แล้วถามว่าจะไปขอเงินจากโรงกลั่นนั้นสามารถทำได้หรือไม่ เพราะโรงกลั่นเขาเป็นเอกชน ถามว่าวันนี้รัฐบาลคิดที่จะพยุงราคาน้ำมันอย่างไรไม่ให้ราคาขึ้นเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบไปสู่ส่วนอื่นๆ และถามว่าทำไมไม่เรียกเงินกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน 2 หมื่นกว่าล้านบาทคืนมาเอามาช่วยพยุงราคาน้ำมัน อีกทั้งทำไมไม่ตัดสัดส่วนกำไรจากปตท.คืนกลับมาลดค่าน้ำมันช่วยเหลือประชาชนยามวิกฤตแบบนี้ และทำไมจึงไม่นำวิธีการทางการทูตมาใช้เจรจากับประเทศที่เป็นเจ้าของบ่อน้ำมัน
“เพื่อไทย” ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถาม “รมว.พลังงาน” เร่งแก้ปัญหาน้ำมันแพง ด้าน “สุพัฒนพงษ์” แจงแนวทางที่ทำอยู่สถาบันการเงินเชื่อมั่น มั่นใจดูแลคนตัวเล็ก-กลุ่มเปราะบาง ทำเศรษฐกิจประเทศเติบโตได้
ข่าวที่น่าสนใจ
นายครูมานิตย์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้แนะนำให้ใช้ถ่าน ใช้เตาอั้งโล่ ใช้ฟืนแล้ว แสดงว่ารัฐบาลก็พอรู้ปัญหาอยู่บ้าง แต่ก็ยังชอบใช้คำว่าวินๆ ไม่รู้คำว่าวินๆนี่เป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลและกลุ่มทุนหรือไม่ หรือประชาชนกับรัฐบาล ตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนและลำบาก ตนไม่เห็นด้วยที่ชอบอ้างบัตรพลังประชารัฐ ต้องหาวิธีคิดให้คนหลุดจากความจนเพื่อให้ประเทศเดินไปได้ เมื่อเรารู้วิกฤตพลังงานจะยาวไปไกล ซึ่งงบประมาณแผ่นดินที่อยู่วาระที่ 1 กำลังจะเข้าวาระที่ 2 ขอให้นายกฯสั่งการให้เกลี่ยงบฯที่ไม่มีความจำเป็น โดยเฉพาะยุทโธปกรณ์ต่างๆ ไปเตรียมการพยุงรักษาเสถียรภาพพลังงาน ไม่ใช่เอางบกลางไปใช้เพื่อโควิดอย่างเดียว เพราะน้ำมันไม่ใช่โรคท้องถิ่น
ด้านนายสุพัฒนพงษ์ กล่าวชี้แจงว่า สถานการณ์ราคาพลังงานที่ยอมรับแล้วว่าเกิดจากปัจจัยภายนอก ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายในและเป็นวิกฤตซ้อนวิกฤต ซึ่งรัฐบาลได้ช่วยเหลือประชาชน ตอนนี้สถานการณ์พลังงานในตลาดโลกวันนี้มันแย่ลงกว่าเดิม ต้องยอมรับว่าไทยเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันสูงกว่า 90% รัฐบาลก็ต้องพยายามประคับประคองสินค้าใด หรือน้ำมันสำเร็จรูปใดอันเป็นผลต่ออัตราค่าครองชีพของประชาชน พยายามค่อยๆขึ้นมาทีละน้อย แน่นอนว่าประชาชนเดือดร้อน แต่เราประคับประคองเต็มที่ พยายามใช้เงินให้สมดุลกับการรักษาเสถียรภาพด้านการเงินการคลังของประเทศที่จะต้องคู่ขนานกันไป แต่คนตัวเล็ก กรณีแก๊สหุงต้ม แก๊สแอลพีจี บัตรสวัสดิการของรัฐเราก็มีให้ ส่วนพ่อค้าแม่ค้าทางปตท.ให้ช่วยเหลือเพิ่มเติมไปอีก เพื่อลดผลกระทบ วันนี้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 34-35 บาทต่อลิตร แต่ประเทศเพื่อนบ้านไปไกลกว่านั้นแล้ว เช่นเวียดนาม 46 บาทต่อลิตร ตนเข้าใจปัญหาดี รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยพยายามตรึงส่วนนี้ไว้ แต่วันนี้เราตรึงมายาวมากตั้งแต่เดือนพ.ย. 64 จนถึงเดือนมิ.ย.นี้ รัฐบาลเห็นความสำคัญและพยายามรกัษาตรงนี้ไว้ ดูแลประชาชนและเกษตรกรให้ได้รับการประคับประคอง และเราต้องรักษาความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลเดินฝ่าไปได้ช่วงอัตราเงินเฟ้อยังสูงอยู่ การออกรายงานต่างๆของสถาบันการเงินต่างๆก็ยังมั่นใจว่าการเดินนโยบายแบบนี้ยังดูแลคนตัวเล็ก คนเปราะบาง เดินฝ่าอัตราเงินเฟ้อที่ขึ้นสูง และสร้างการเจริญเติบโตของประเทศทางเศรษฐกิจต่อไปได้
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวชี้แจงต่อว่า ส่วนเรื่องเงินกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่ส่งคืนไปก็ส่งคืนเข้าคลัง แต่ยังมีเงินบางส่วนใช้ตามวัตถุประสงค์อย่างเพียงพอ เงินไม่ได้ไปไหน กลับไปที่คลังเป็นงบประมาณแผ่นดินเพื่อใช้ประโยชน์ อีกทั้งกระทรวงการคลังก็ลดภาษีสรรพสามิตให้ด้วย ราคาน้ำมันดีเซลจากเดิมเพิ่มเป็น 5 บาท และยังมีส่วนสนับสนุนอีก 11 บาท ส่วนปตท.ที่มีกำไรเยอะ รัฐบาลถือหุ้น 62 % เป็นเรื่องของกระทรวงการคลัง ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงพลังงาน ส่วนเงินปันผลหรือเงินกำไรที่ได้มาทุกปีที่ดูเหมือนเยอะ เขาจะต้องกันครึ่งหนึ่งหรือมากกว่านั้นได้ เอามาเป็นเงินปันผลกลับเข้าสู่ระบบกระทรวงการคลังถือเป็นเงินได้ของแผ่นดิน เอามาใช้เป็นงบประมาณที่ได้มาทุกปี เราอาจจะเห็นเหมือนมีกำไรเยอะ แต่สุดท้ายต้องหักเงินปันผลเก็บไว้ใช้ในส่วนทั่วไปสำหรับบำรุงรักษาเครื่องจักร เครื่องยนต์ โรงงาน การขยายกิจการเพื่อสร้างเสถียรภาพความมั่นคงด้านพลังงาน หลายเรื่องความช่วยเหลือที่ขอไปทางปตท.เขาก็ไม่เคยขัดข้อง
“สิ่งที่ทุกประเทศเขาทำจริงจังคือการรณรงค์ช่วยประหยัดพลังงาน วันนี้หากเราปรับอุณภูมิขึ้น 1 องศาก็จะช่วยบรรเทาได้ 10% ของค่าไฟฟ้า ประหยัดพลังงานไปได้เยอะ ส่วนเรื่องเตาอั้งโล่อาจจะเป็นเรื่องการสื่อสารขยายผลในมุมของคนเมือง แต่ทางกระทรวงพลังงานเห็นความสำคัญของประชาชนที่ยังใช้เตาเชื้อเพลิงประเภทถ่าน ยังมีอยู่มากในสังคมชนบท ที่เข้าถึงแก๊สหุงต้มได้ไม่เต็มที่ ก็เป็นการเผยแพร่ซ้ำเรื่องที่เป็นประโยชน์ ไม่ได้หมายความว่าจะมาทดแทนการใช้แก๊สหุงต้มที่ขาดแคลน” นายสุพัฒนพงษ์ ชี้แจง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง